ในวงการกราฟิกก็ดี สื่อสิ่งพิมพ์ก็ด้วย อย่างหนึ่งที่แอดแมวเจอกับตัวเอง – ถึงอดีตจะเป็นแค่พิสูจน์อักษรก็เถอะนะ – ก็คือเวลาส่งงานให้ลูกค้า Approve นี่ชีวิตจะบัดซบมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นงานพิมพ์ ดิจิทัลพรูฟแก้แล้วแก้อีกเพราะคุยยังไงสีก็ไม่ตรง
หลายคนทำงานสตูดิโอ มือทองสายวาดสายปั้น ส่งงานทีโหแม่… ลูกค้าติจนอยากกลับบ้านไปทำนาตามแอดแมว
นั่นคือปัญหาของการไม่คาลิเบรตความแม่นยำสีของการแสดงผลกับอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ ทำให้ Input-Output มันบรรลัย จะเอาอะไรมาแมทช์ แค่จอคนทำคนตรวจยังไม่ได้ Profiling พิมพ์ออกไป CMYK ยิ่งยับคูณสิบ แม้แต่จอ Mac ก็ใช่จะรอดเสมอไปนะฮะ Delta E โบรชัวร์ว่าดีแสนดี บางทีไม่ได้บอกทุกอย่าง เพราะคุณอาจตายน้ำตื้นตั้งแต่การตั้งคอนทราสต์จอเลย ฯลฯ
ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการเลือกอุปกรณ์แสดงผลและคาลิเบรตที่ดี และวันนี้แอดแมวผู้คันไม้คันมือมานานแล้ว ขอสักโพสต์ ปล่อยของสายนี้บ้าง ก่อนที่คุณจะพลาดงานใหญ่โดนปรับโดยไม่จำเป็นทั้งๆ ที่แก้ได้ไม่ได้ยากเลย
เราเริ่มกันที่อุปกรณ์บ้านๆ ที่สตูดิโอเล็กควรมี กับ Spyder X หรือ DataColor Spyder X (Pro/Elite มันต่างกันนิดเดียว เดี๋ยวเราจะเหลา!) เป็น Colorimeter ที่ดีสำหรับการใช้งานส่วนตัว คือถ้าคุณจะไปรับงานนอกด้วยไอ้นี่ รับแคลแพงๆ ด้วย Meter ตัวละห้าพันครั้งละเจ็ดแปดร้อย ชาวบ้านคงด่ายับอ่ะ แต่ถ้าเพื่อปรับจูนระหว่างอุปกรณ์ภายในสตูฯ เดียวกัน ด้วยพลังการวัดสีและเซนเซอร์เตือนแสงภายนอก
ทีนี้ด้วยความที่มันถูก แล้วไปเน้นขายฟีเจอร์ซอฟต์แวร์แพงๆ ใส่ตัว Elite เช่น Softproof การผูกยึดติดกับไลเซนส์ของ Datacolor จึงไม่ใช่ทางของแอดผู้ชอบทำการกุศล ดังนั้นเพื่อความ “ปรับไม่ถึงขั้นเทพ แต่ดีกว่าไม่ปรับก็เยอะมาก” การใช้งานที่คุ้มสุดคือ Spyder X Pro เอามาใช้กับ Free Software ซึ่งตัวที่แมทช์พอดี คือ DisplayCal และมันทำให้ลดข้อจำกัดการทำ Profiling/สร้าง ICC ให้แมทช์กับจอไปได้ประมาณนึง… โดยใช้เวลาเยอะกว่าและยากกว่าซอฟต์แวร์ของ Datacolor
ก็ตามนั้นครับ ของฟรีย่อมแลกมาด้วยการสูญเสียอะไรบ้าง แต่… ด้วยการที่เรามีตัวดีกว่ารอ
Spyder X Pro = 3,813 บาท >> https://shope.ee/8pCoWwArtC
ถูกพอไหม ถามใจเธอดู กำไรงานเดียวต่อให้คุณเป็นสายไส้แห้งก็พอซื้อ! ซื้อเถอะครับ กราบ
แต่ถ้าต้องการรับงาน แอดแมวแนะนำตัวนี้เป็นขั้นต่ำนะ เพราะการันตีการรองรับค่าสี ความละเอียด และความสว่างได้จริง (เอาง่ายๆ จอ HDR2000 ก็ยังไหว) ถ้าไม่เชื่อ ให้หันไปดูโลโก้ PANTONE ข้างๆ X-Rite ColorChecker i1 Display Plus ผู้มาไกลกว่าใครในบรรดา Portable Colorimeter ระดับเริ่มต้น ด้วยค่าตัว 12,990 แต่คุณรับงานได้จริง เครื่องมือน่าเชื่อถือกว่า Tools ได้รับการยอมรับมากกว่า มันต้องมี
ปล. ใครจะเปรียบเทียบ เลิกเอาตัว Pro เก่าที่หลายเว็บรีวิวเทียบกับ Spyder 5 มาดูเป็นฐานนะครับ ขีดความสามารถมันต่างกันกับรุ่นปัจจุบันค่อนข้างมาก (Spyder X ก็เช่นกัน) เตือนแล้วนะ
วาร์ป: https://shope.ee/2fcBDJnLC2
มาดูจอดีศรีสตูดิโอกัน ขอย้ำว่าเน้นจอสายทำงานนะครับ พวก Gaming Hz สูง เราน่าจะพอรู้คาแรกเตอร์กันอยู่แล้ว เอาง่ายๆ อย่าง LG Nano IPS เจน 1 (Dell S2721DGF, Lenovo Y27q-20 และ LG 27GL850 สามตัวนี้ใช้พาเนลเดียวกัน) ค่าคอนทราสต์กับความสว่างอาจจะไม่จัด เจอผิวจอเข้าไปอีก บางคนแบบเหวอ แต่ถ้าแคลดีๆ ก็ได้เหมือนกัน โดยต้องไม่ไปปรับโหมดมันระหว่างใช้งานกราฟิกด้วย ดังนั้นขอ “สายทำงาน” กันก่อน ตัวไหนน่ากดตั้งแต่ระดับ Affordable ต่ำหมื่น จนถึง Midrange ไม่เกินสี่หมื่นละกัน มาฮะ
ASUS ProArt PA248QV
จุดเด่นนอกจากจะเป็นจอ 16:10 ซึ่งเอาง่ายๆ เมนูไม่กินพื้นที่งาน มันยังได้ขอบเขตสี sRGB+Rec.709 100% เรียกว่าได้ทั้งสายภาพสายปั้น รวมทั้ง Calman-Verified หรือพรีแคลมาจากโรงงานที่ ∆E<2 และด้วยความ 75 Hz มันสบายตาสำหรับคนเซนซิทีฟ ไม่พอ มี USB 3.0 Hub ในตัว จัดสายให้โต๊ะไม่รก พร้อมความ Pivotable หรือหมุนตั้งได้ จะสายวาดเส้น แต่งภาพ เอกสาร หรือแม้แต่ทำ UX/UI ของแอพมือถือก็สบายๆ ในงบไม่สร้างบ้าน เพียงแปดพันปลายๆ ได้ Voucher 1000+300 Starbucks
วาร์ป: https://shope.ee/8pCoZMh9Rh
AOC U28P2U “Budget 4K Professional”
Pre-calibrated มาด้วย ∆E≤2 เช่นกัน สำหรับ AOC ตัวนี้ แต่ที่แสบกว่าคือมันมาพร้อม sRGB 119%, NTSC 107% และ DCI-P3 97% บนจอ 4K ในงบหมื่นต้น 10,290 สเป็กนี้ Pivot ได้ งานดี มี VESA แม้แบรนด์จะเป็นรอง แต่สายกราฟิกไส้แห้งโดยเฉพาะ Web UI/UX และงานฝาผนัง ต้องมาแล้ว
วาร์ป: https://shope.ee/6zlAOSccef
Dell Ultrasharp U2723QE
“โคตรครบเครื่อง ขาดแค่ Hz”
ถ้าคุณเป็นสายทำงานแท้ที่ต้องการแค่ 2 อย่าง คือจอที่ดี กับฟีเจอร์ที่ได้ใช้ นอกจากนั้นคือโฆษณาน้ำท่วมทุ่ง เอา Dell ตัวนี้กลับไปเลย การันตีด้วยทั้งประกัน ฟีเจอร์ ดีไซน์ ไปจนถึงความแม่นยำที่เราอยากถามเหมือนกันว่า คุณโฆษณามาแค่นั้นเหรอ? คือจะบอก overspec มันก็พูดไม่ได้ แต่ต้องบอกว่า “พร้อมใช้ตั้งแต่แกะกล่อง”
นอกจากนั้น USB-C PowerDelivery 90W ที่โดดเด่นสุดในสาย จัดโต๊ะด้วยการลดเคเบิ้ลคือความเฉียบ ทีนี้จะมือถือ แท็บเลต หรือโน้ตบุ๊ค ก็เสียบต่อตรงได้เลย ชาร์จให้เต็มสูบ
17,990 ไม่แพง และควรค่ามากสำหรับสายทำงาน เพราะเราไม่มีอะไรจะให้นอกจากคำชม
100% sRGB, 100% Rec.709, 98% DCI-P3 และยังเป็น IPS ที่กล้าพูดว่า “Black” จริง ตัวแรกของเดลล์ หลังจากปล่อย VA ได้ใจมานาน สว่าง HDR400 แต่ก็สบายตาด้วย Comfortview Plus แถมได้ KVM+WOL (Ethernet) เป็นมอนิเตอร์ต่ำสองหมื่นที่ต้องบอกว่าแทบจะมี Seamless Integration ยกเว้นการเชื่อมต่อไร้สายเท่านั้นจริงๆ
วาร์ป: https://shope.ee/1fje3C4uI4
HUAWEI Display MateView 4K
“กว้าง ไร้สาย ให้อารมณ์แอปเปิ้ล”
ด้วยความละเอียด 3840×2560 หรือพื้นที่ 3:2 แบบ Apple Cinema พร้อมระบบไร้สายครบครัน มันคือมอนิเตอร์ที่ได้ความสุดแห่งการเชื่อมต่อ รวมทั้งกับ MacBook ด้วย 100% sRGB & 98% DCI-P3 บนค่าความคลาดเคลื่อน ∆E≤1 ในขอบเขต sRGB มันถือเป็นมอนิเตอร์ที่ Pre-calibrated มาได้ดีอีกตัวหนึ่ง
ถามแอดแมวว่าจะเลือกตัวไหนกับเดลล์… แอดตอบว่าเอาเดลล์ตัวบน แต่ไม่ใช่เพราะตัวนี้ไม่ดีนะ เพราะแอดชอบเดลล์มากกว่าหัวเว่ยในมุมผู้ผลิตจอ และแอดไม่ค่อยได้ใช้ Gadget ไร้สายอะไรเยอะ… กลับกัน พวก Tech Geek ที่มีไอโฟน ไอแพด แมคบุ๊ค ย่อมชอบ Mateview 4K+ ตัวนี้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
22,990 เคยถูกกว่านี้ แต่ก็ลงไว้ วาร์ปไปกดทางนี้ >> https://shope.ee/VXgfcQUPL
LG Ultrafine 5K
“เกิดมาเพื่อการเป็นจอแอปเปิ้ล”
ถึงแอดจะไม่แน่ใจว่าเอาตัวนี้ฟัดกับ Cinema Display ใครจะชนะในมุมความคลาดสี แต่ Integration มันไม่ยอมแพ้มากๆ โดยเฉพาะการมี Thubderbolt 3+PowerDelivery 94W ตัวเดียวในตลาดเลย 41,500 คุณจะได้จอ 100% sRGB+CIE1976, 98% DCI-P3 และที่โดดเด่นกว่าพวกบนๆ คือ เป็นจอ Glare+HDR500 ทำให้ความสว่างมันสุดมาก แลกมาด้วยการสะท้อนมากกว่าปกติ
41,500 ถ้าคุณเกลียดจอแมค ถถถ มากดทางนี้ >> https://shope.ee/30F1efjOeG
อ้อ ละแอบไปเห็นบริการแคลจอจากคนใช้ i1 ตัวบนพอดี ร้านนี้เขามืออาชีพเรื่องเปลี่ยนจอแคลจออยู่ละฮะ ใครจะจ้างไป Profiling ก็ได้นะ ค่าบริการ 835/จอ จ้า
วาร์ป: https://shope.ee/1VQDsKN4eu