Honda City Hatchback 1.0 Turbo RS ต้องถือว่าเป็น Eco car phase 2 คู่แข่งตรงรุ่นฟัดกับ Nissan Almera 1.0 Turbo ตรงๆ รุ่นหนึ่งที่แอดกาวสนใจมากๆ เพราะปกติเป็นพวกตีนผีจับพวงมาลัยเมื่อไหร่ได้ดันท้ายกระบะเมื่อนั้น (แต่พอน้ำมันแพงก็เบาแล้วน่า! (ฮา) แล้วส่วนตัวชอบแบรนด์ Honda เป็นทุนอยู่แล้ว เลยพยายามหาเวลาว่างมาลองขี่ ไถแคตตาล็อคและเทียบคู่แข่งว่าใน Segment เดียวกันและใกล้เคียงกันจะมีตัวไหนให้โดนได้บ้างไรบ้าง
อันนี้แอดบอกกันก่อนว่าบล็อกนี้จะไม่ได้ไถประวัติหรือลงลึกอะไรเป็นพิเศษแต่จะเขียนในฐานะ User ที่รักรถและกะซื้อมาขับยาว 5-7 ปี แต่งตามงบประมาณก่อนขายทิ้งในภายหลังได้ด้วย ส่วนภาพในส่วนนี้ต้องขอโทษล่วงหน้าที่ถ่ายมาแค่ภาพหน้ารถภาพเดียว (ถ่ายด้วย OnePlus 9 เครื่องประจำตัว) แต่เชื่อว่าหลายๆ คนก็น่าจะเปิด Catalog ส่องกันอยู่แล้วแหละ ดังนั้นเราจะโฟกัสเรื่องอุปกรณ์กับฟีลตอนขับแทนนะฮะ
จุดที่ชอบไม่ชอบใน Honda City Hatchback
สำหรับคนอยากส่องโบร์ชัวร์ Honda City Hatchback แบบเต็มๆ มาส่องตรงนี้ได้ฮะ แอดขอไม่ลงรายละเอียดเยอะเพราะเว็บไซต์รถยนต์หลายๆ แบรนด์ก็เขียนถึงกันไปหมดแล้ว ดังนั้นแอดขอจี้ไปทางจุดชอบไม่ชอบและจุดที่ว่ารุ่นไหนเหมาะกับใครเป็นหลักแทนนะครับผม
อันนี้ชอบนะ ทำต่อไป
- กำลังเครื่อง 1.0 เทอร์โบมาดีจริง 122 แรงม้า 173 นิวตันเมตร พุ่งดีอย่างกับเครื่อง 1.5 เบ่งกล้าม!
- เกียร์ CVT นะ ไม่หน่วงหรืออึน กดเป็นมา เร่งหนีจังหวะอันตรายได้ดี
- พื้นที่ในห้องโดยสารสำหรับคนนั่งคู่หน้าออกแบบเอื้อคนขับดี กดปุ่มปรับได้สะดวก
- แพงกว่า Jazz รุ่น CVT 5,000 บาทเอง ได้รุ่นเริ่มต้นตัวนี้แล้ว แต่งต่อได้เยอะอยู่
- ได้ระบบ Push Start และกุญแจรีโมตแล้ว ลาก่อนกุญแจไขธรรมดาบ้านๆ
- รุ่นกลางได้จอ Advanced Touch 8″ รองรับ Apple CarPlay แล้ว ไม่ต้องปีนไปตัว RS ก็ได้ใช้
- สายซิ่งขี้เกียจแต่งกดตัว RS ได้เลย แรงกำลังสนุกและมี Paddleshift ให้กดเล่น
ไม่ชอบอ่ะ คงจะเก็บไว้ Minor Change มั้ง?
- เบรกหลังพี่เป็นดรัมเบรกหมดทุกรุ่นเลย ขนาดตัว RS ยังดรัมเลย มาขนาดนี้ดิสก์เบรกเหอะ!
- ยางหน้ากว้าง 185/60 R15 หรือ 185/55 R16 ในตัว RS อย่างน้อยแรงเครื่องขนาดนี้ใส่ 195 ดีกว่าป้ะ?
- อยากให้ใส่เซนเซอร์ถอยมาด้วยนะ หรือไม่เซลส์ก็น่าแถมให้ตอนออกรถด้วย
3 รุ่นย่อยเหมาะกับใครบ้าง?
ตรงนี้แอดกาวว่า Honda ทำรุ่นย่อยของ Honda City Hatchback ได้เข้าใจง่ายดี มีแค่ 3 เกรดแค่ S+ เป็นตัวเริ่มต้น ถัดมาเป็นตัวกลางออปชั่นครบ SV แล้วปิดด้วยตัวท็อปสายซิ่งขี้เกียจแต่งเยอะอย่าง RS ที่ได้ของเล่นครบเครื่องไปเลย ตรงนี้ถ้าให้แอดกาวแนะนำว่าทั้ง 3 ตัวนี้เหมาะกับใครบ้างก็จะเป็นงี้ครับ
S+ (599,000) – เป็น Honda City Hatchback สายซิ่งสายโมฯ รถเพิ่มเติม เติมเซนเซอร์ถอยเปลี่ยนจอกลางไปใช้รุ่นที่รองรับ Apple CarPlay, Android Auto สักหน่อยก็โอเค จะเปลี่ยนแม็กเติมไฟตัดหมอกว่ากันไป และทั้งหมดแอดกาวเชื่อว่าแค่เครื่องเสียงและเซนเซอร์ถอยจบไม่เกิน 20k เติมแม็กกับยางอันนี้สุดจินตนาการบรรเจิดของแต่ละคน ส่วนเบาะทำใจหน่อยตัวนี้เป็นเบาะผ้า (แต่แอดกาวดันชอบอ่ะ ตอนจอดตากแดดทั้งวันแล้วไม่ร้อนก้น)
ส่วนตัวแอดว่า S+ จะเหมาะกับคนที่ขยับจากรถรุ่นเก่า มรดกตกทอดจากทางบ้านแล้วมีเซนส์การขับรถดีระดับหนึ่งและรู้ว่าอยากทำอะไรเพิ่ม จะเติมเครื่องเสียงใส่ชุดแต่งหรือจะเป็นสายซิ่งอยากได้รถแบบไม่ต้องแพงมากเพราะว่าสุดท้ายก็ไปจบร้านแต่งรถ จูนกล่องทำอะไรเพิ่มมากมายอยู่ดีก็ดาวน์รุ่นนี้ดีกว่า ค่าผ่อนต่อเดือนถูกด้วยถ้าส่ง 60 งวด
SV+ (675,000) – ครบเครื่องแล้วไม่ต้องทำอะไรเยอะมากอ่ะ ประมาณว่าหนุ่มสาวทั่วไปซื้อมาขับใช้งานเลย ไม่เน้นโมดิฟายรถเยอะ ขอออปชั่นเต็มคันทั้งหน้าจอ Advanced Touch 8″, เบาะหนัง, แอร์อัตโนมัติ, กล้องมองภาพด้านหลังปรับ 3 ระดับได้ ฯลฯ เกือบเท่าตัว RS แล้ว เน้นขับจากจุด A ไป B เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ Geek รถมาก
RS (749,000) – ตัวท็อป อัดออปชั่นมาเต็มคันและมี Honda Connect แอพฯ เช็คประวัติรับบริการและช่วยเหลือการขับขี่และแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติกับตัวรถ, Paddleshift, Cruize Control, เพิ่มลำโพงเป็น 8 ตัวและติดม่านถุงลมด้านข้างมาให้เพื่อความปลอดภัยเวลาเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
ส่วนตัวแอดเองถ้าซื้อก็คงจะมาตัว RS แล้วเปลี่ยนยางเป็น 195/55 R15 ให้หน้ากว้างขึ้นเกาะถนนอีกหน่อย เวลาซิ่งแล้วเปลี่ยนเลนเร็วๆ จะได้หนึบขึ้นอีกนิด หรือจะใช้ล้อ 16 นิ้วเหมือนเดิมก็ได้เพราะลายล้อแม็กถือว่าสวยใช้ได้เลย และข้อดีคือรุ่น RS ใส่ออปชั่นมาแบบครบระดับขาซิ่งขี้เกียจแต่งรถไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเยอะด้วย
ทดลองขับแล้วเป็นยังไงบ้าง?
ถ้าถามเรื่องประสบการณ์การขับรถ Honda ยุคใหม่ของแอดกาวต้องถืวอ่า Honda City Hatchback คันนี้เป็นคันที่ 3 ของแอดกาวแต่นั่งเป็นคันที่ 4 พอสังเกตก็รู้สึกตัวว่าคนรอบตัวแอดใช้ Honda เยอะมาก ตราตัว H นี้มันไม่ได้ห่างตัวไปไหนไกลเลยจนมันจะดึงแอดเข้าลัทธิไปด้วยคนแล้ว (ฮา)
- อย่างคันแรกที่แอดลอง คือ Honda Jazz GK RS เครื่อง L15 เกียร์ CVT พร้อม Paddleshift จัดว่าขับสบายเหมาะกับทุกคน เร่งมาตามสั่งไม่หน่วงเท่าไหร่ไม่ถึงระดับติดเท้า ไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องไหลๆ และช่วงล่างที่บุพการีไม่โกรธคุณแน่นอนเหมาะกับทุกเพศทุกวัย
- คันที่ได้ลองขับสั้นๆ ในลานจอดรถเป็น Honda Civic 1.5 Turbo RS โฉม FC ของรุ่นน้อง โครงได้ Accord มาเต็มแหละเพราะ Honda USA ทำ ช่วงล่างเฟิร์มแข็งออกวัยรุ่นมาก สาดโค้งไม่เป็นไร พวงมาลัยคมเฉียบและเครื่อง 1.5 Turbo ระดับกดติดเท้าหลังติดเบาะมือเกาะพวงมาลัย นิสัยวัยรุ่นชอบเลยไม่แปลกใจว่าวัยรุ่นใช้คันนี้เยอะมาก ของดีพิมพ์นิยมเลยแหละ
- ได้ Test Drive Honda City Hatchback 1.0 Turbo RS ก่อน Honda จะมีคำสั่งว่าเลิกรับจองคิวทดสอบรถ เนื่องจากเกินกำลังการผลิตและส่งมอบรถไม่ทันออเดอร์ที่จองมานับตั้งแต่ Motor Show!! เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกนิดว่าชิปสำหรับตัวรถก็ยังไม่พอ Supply เข้าโรงงานด้วย และอาจจะต้องกินเวลาไปอีกครึ่งปีเป็นอย่างต่ำๆ เลย
- ส่วนคันที่ได้นั่งเป็นประจำเป็น Honda Accord Gen 9 (CT1) ของน้าสาวและเพื่อนที่ดันขับรุ่นเดียวกันและเลือกรุ่นเครื่อง 2.0 ลิตรเหมือนกันอีก! ส่วนตัวคิดว่าภายในเนี่ยคือรถผู้ใหญ่เต็มตัว นั่งสบายและช่วงล่างเฟิร์มแต่ไม่แข็งเกินไป นั่งไกลๆ ก็ไม่เมื่อย อัตราเร่งแน่นอนว่าไม่เท่า Civic 1.5 Turbo ทว่าได้ความต่อเนื่องที่ค่อนข้างดี (ส่วนปัญหาประจำรุ่นที่ได้ยินเพื่อนบ่นมา จำได้ว่าระบบ ABS และระบบไฟฟ้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องบางส่วนเป็น Defect ประจำรุ่น ถ้าเข้าศูนย์ประจำก็ได้เคลมซ่อมไปตามระเบียบ) อันนี้ยังไม่ได้นับรวมลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งออก Honda Civic FE ตัวท็อปมาอีกคันหลังขาย Civic FB ไปนะ… จะเห็นว่าแอดกาวคือพัวพันอยู่กับสาย Honda อยู่พอตัวเลย
นอกเรื่องมาเยอะแล้ว เรามาเรื่องการขับขี่บ้างดีกว่า ตรงนี้แอดว่ากำลังเครื่องอ่ะไม่ใช่ปัญหา ตัว 1.0 Turbo ของ Honda เรียกว่ามาตามสั่ง ติดเท้าอย่างกับได้ขับเครื่อง 1.5 NA ที่ตอบสนองเร็วกว่า ตอนกดแล้วมันวิ่งไม่รอไม่หน่วง ประมาณเป็นวัยรุ่นได้หนีเที่ยวครั้งแรกมันก็จะดีดๆ หน่อย ตอนถอนคันเร่งแล้วรอบจะไม่ตกแบบร่วงแต่ถอยลงมาช้าๆ เผื่อตอกคันเร่งจะเร่งแซงเหล่า 80 แช่ขวาทั้งหลายอะไรแบบนี้ ส่วนเบรกถึงจะเป็นหน้าดิสก์หลังดรัมก็ยังคมอยู่ดี
Paddleshift ส่วนนี้แอดแอบอยากให้มันมีในทุกรุ่น ไม่ต้องจำกัดที่ตัว RS อาจจะมาใส่ตัวกลางอย่าง SV+ ไปด้วย เผื่อคนที่ชอบขับรถแต่ไม่อยากจ่ายแพงจะได้มีตัวเลือกบ้าง การตอบสนองถือว่าฉลาดใช้ได้อยู่ จะค้างไว้ D หรือ S แล้วกดเกียร์ ถึงจะกดเกียร์ต่ำเกินไปเครื่องก็ไม่ถึงกับกระตุกหรือครางหื่อๆ เหมือนคุณสับเกียร์ MT แล้ววืดผิดเกียร์ไรงี้ มันแค่ส่งเสียงดังกว่าปกตินิดหน่อยแล้วออกอาการ Engine Brake ใส่คุณเบาๆ อย่างปกติช่วงถนนหน้าโชว์รูมที่เขาให้เทสต์ จะได้วิ่งเกียร์ 5 พอตบเกียร์ 4 ตอกคันเร่ง เค้นเครื่องนิดหน่อยก็ตัวปลิวหวือไปทันที พอพ้นช่วงแพรถขับช้าค่อยตบ 5 แล้ววิ่งต่อก็สมูธๆ ไปเลยฮะ
ช่วงล่างนับเป็นภาพสะท้อนของ Nissan Almera 1.0 Turbo ถ้า Almera ออกทางผู้ใหญ่นั่งนิ่งขับสบายไปเรื่อย ไม่กระด้างหรือเด้งเท่าไหร่ ตัว City Hatchback กลับตรงกันข้ามคือจั๊มพ์คอสะพานจะตึงตัง คงเพราะโช๊คอัพเซ็ตมาค่อนข้างแข็งรับม้า 122 ตัวให้ลงพื้นได้ครบ การโยกหลบรถในเลนดึงกลับง่าย ห่วงแต่คนนั่งด้วยจะเวียนหัวได้บ้าง (ฮา)
ดังนั้นคันนี้จะเหมาะกับผู้ใช้ 1-2 คนและหน่วยกู้ร่างเพื่อนจากร้านเหล้า แบบว่าโยนขึ้นท้ายรถไปหย่อนหน้าบ้านหรือเป็นรถเสบียงตอนไป Road trip ออกต่างจังหวัดกับเพื่อนนับว่าเวิร์ค! ชอบที่เบาะมันพับราบได้หมดทั้งคันและเป็นเหตุผลหนึ่งที่แอดกาวอยากได้เลยแหละ บางทีซื้อกับข้าวหรือขนของใช้ไปเยอะจะฝากใส่คันนี้ไปเลยก็ได้หรือคนทำงานอินทีเรียดีไซเนอร์เหมือนน้องชายแอดกาว ที่ต้องขนพร็อบไปจัดแต่งห้องตัวอย่างคอนโดฯ บ่อยๆ ออกคันนี้ไปไม่ผิดหวังแหละหนึ่ง
ถ้าจำกัดความต้องถือว่า Honda City Hatchback 1.0 Turbo RS เป็นรถที่แอดชอบและเก็บเข้าลิสท์ผ่อนได้อยู่ ยิ่งยุคครอบครัวเล็กหรืออยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนไม่มีใครนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถก็มีคันนี้เป็นรถคู่ใจสักคันก็ถือว่าโอเคและออปชั่นแอดถือว่ายังไปวัดไปวาได้อยู่
อย่างเดียวที่ล็อคคอแอดกาวเอาไว้จนไม่รู้ว่าจะออก Honda ดีไหม คือเรื่องปัญหาตัวรถขึ้นสนิมแบบกินเข้าตัวถังที่น่าเป็นห่วงและเคสอื่นๆ ผสมปนเปกันไป ถึงจะชอบนิสัยตัวรถเหมือนกับเจอคู่แท้ก็ตาม แต่ยังติดใจเรื่องนี้อยู่พอควร ยังไงก็ตามถ้า Honda จัดการเรื่องสนิมกินตัวถังรถกับปัญหาจุกจิกอื่นๆ ได้ครบถ้วน ไม่แน่แอดอาจจะได้เอาอีแก่ที่บ้านไปส่งศูนย์แล้วเทิร์นเป็นตัว RS กลับบ้านจริงๆ นะ (ฮา)