OnePlus 9 Review – น้องรองจากพี่ Pro ที่ไม่ขี้เหร่เลยเหอะ!
ชื่อ OnePlus เนี่ย

ชื่อ OnePlus เนี่ย บอกตรงๆ ว่าแอดกาวร้องว้าวมาตั้งแต่ยุค OnePlus One ที่ยังต้องหา Invitiation มาซื้อเครื่อง แต่ก็รอมานานเนิ่นนาน OnePlus 9 ก็เลยกลายเป็น OnePlus รุ่นแรกที่เข้ามาอยู่ในกระเป๋ากางเกงและกลายเป็น Daily driver ถือประจำตัวมาร่วม 2-3 เดือนแล้ว ถ้าให้สรุปความแบบง่ายๆ จากคนที่ข้ามจากมือถือระดับหมื่นต้นขึ้นมา Flagship Series แต่สอยตัวรองเนี่ย พูดตรงๆ คือมันแทบจะสมบูรณ์แบบในตัว ไม่ต้องคิดอะไรมากกว่าลงแอพฯ ใช้งานตามปกติ ก็เพียงพอแล้ว
ถึงหลายๆ คนจะได้ยินว่า OnePlus กลับไปอยู่ในเครือ BBK Electronics บ้านใหญ่ที่มี OPPO, Vivo, realme อยู่ มีการผสาน Source code กับ ColorOS ของ OPPO แล้ว มันจะเสียเอกลักษณ์ความ ROM คลีนสะอาดแจ๋วไปขนาดไหนเนี่ย ส่วนตัวแอดคิดว่าเรายังตอบอะไรไม่ได้มาก (ยกเว้นแอดแมวที่แกมากรี๊ดหลังไมค์ให้ได้ยินบ่อยๆ ตั้งแต่อัพเป็น Android 12 Beta 2 ว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ มีอะไรบ้าง แจ่มเบอร์ไหน ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีแต่อาจจะไม่ได้ใจ OnePlus Fan รุ่นเก๋าที่จับรอมคลีนเท่าไหร่ แต่แลกกับของเล่นที่เยอะขึ้นอีกนิด และสเปคเครื่องที่เรียกว่าเหลือเฟือไปอีก 2-3 ปี ก็น่าจะไว้ใจได้อยู่นะ

Spec OnePlus 9 เครื่องนี้เทียบกับรุ่น Pro ต่างอะไรกันบ้าง
สเปคของ OnePlus 9 เรียกว่าเป็นคนน้องของซีรี่ส์ Flagship ของ OnePlus โมเดล 2021 ก็ตาม แต่เรื่องความแรงเรียกว่าเปิดมาจบเลย ไม่ต้องสืบไม่ต้องถามให้มากความว่าเขาสุดเบอร์ไหน ส่วนตัวแอดกาวว่ามันอยู่ได้อีก 2-3 ปีเป็นอย่างต่ำๆ และอิงจากข่าวก่อนหน้านี้คือ OnePlus จะอัพเดท Android ให้ 3 เวอร์ชั่นและดูแล Security Patch 4 ปี ก็นับว่ายาวพอที่จะทำให้ Snapdragon 888 ในเครื่องรันเกมไม่ลื่นแล้วแหละ
วิธีนับ Major Android Version Update กับ Security Patch เนี่ย ส่วนตัวคิดว่าคนที่เล่นมือถือน่าจะรู้กันดีว่านับยังไง แต่ตรงนี้แอดอธิบายสั้นๆ ก่อนไล่สเปคและเทียบความต่าง อธิบายง่ายๆ คือถ้า OnePlus ให้ 3 Major 4 Security ให้เริ่มนับจากปีที่มือถือรุ่นนั้นเปิดตัวอย่าง OnePlus 9 มา 2021 ก็ได้ Android 11, 12, 13 และ Security Patch จน 2025 เป็นปีสุดท้าย แล้วจากนั้นใครอยากจะแฟลชเครื่องใส่รอมโมฯ อะไรว่ากันไปตามศรัทธาอัธยาศัยได้เลย ส่วนสเปคตามนี้
- หน้าจอ 6.55” FHD+ พาเนล Fluid AMOLED HDR10+ ขอบเขตสีระดับ P3 มีระบบ Always-on Display ค่า Refresh Rate 120 Hz (ถ้าเป็น OnePlus 9 Pro จะเป็น 6.7” (1440×3216) LTPO Adaptive Refresh rate 1-120 Hz) กระจกเป็น Gorilla Glass 5
- สแกนนิ้วบนหน้าจอได้เลย เรียกว่าสะดวกมากๆ ในยุคที่เราต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน
- ชิปเรือธง Qualcomm Snapdragon 888 สถาปัตยกรรม 5nm จีพียู Adreno 660
- ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 พัฒนาจาก Android 11 อัพเดทได้ 3 Android Version และได้ Security Patch อีก 4 ปีต่อเนื่อง
- ROM กับ RAM ผูกเป็นชุด 2 ความจุคือ ROM 128GB, RAM 8GB หรือ 256GB RAM 12GB อินเตอร์เฟส UFS 3.1 แรม LPDDR5 (ถ้าเป็น OnePlus 9 Pro จะมี RAM 8GB ROM 256GB ให้เลือกด้วย)
- พอร์ตและการเชื่อมต่อมี USB-C 3.1 Gen1 รองรับ USB OTG เชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.2 รองรับ A2DP/LDAC/AAC/aptX HD มี NFC ให้ใช้งาน
- แบตเตอรี่ในตัว 4,500 mAh แบบลิเธียมโพลิเมอร์ รองรับการชาร์จไว Warp Charge 65T โดย OnePlus เคลมไว้ว่าชาร์จแบตเตอรี่จาก 1-100% เต็มใน 29 นาที (อาจจะใช้เวลาเยอะกว่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ) ถ้าเป็นโมเดล EU, NA จะรองรับชาร์จไร้สาย 15 วัตต์ด้วย
- ถ้าเป็นโมเดลจีนหรือโมเดลอื่นที่ไม่ใช่ EU, NA จะไม่รองรับชาร์จไร้สาย
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX471 ขนาดรูรับแสง f/2.4
- กล้องหลัง 3 ตัว ได้ทาง Hasselblad ผู้ผลิตกล้อง Medium Format มาช่วยปรับจูนสีให้ แยกเป็น
- กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX689 ซ้อนเลนส์ 7 ชิ้น รูรับแสง f/1.8 ขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน ขนาดเซนเซอร์ 1/1.43 นิ้ว เทียบเท่าเลนส์ 23 มม.
- กล้องมุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX766 ซ้อนเลนส์ 7 ชิ้น รูรับแสง f/2.2 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว เทียบเท่าเลนส์ 14 มม.
- เลนส์โมโนโครมสำหรับตัดฉากหลังและถ่ายภาพขาวดำความละเอีดย 2 ล้านพิกเซล
- ถ้าเป็น OnePlus 9 Pro จะมีเลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาพิกเซล 1.0 ไมครอน ขนาดรูรับแสง f/2.4 มีกันสั่น OIS ในตัวเพิ่มเข้ามาให้ ตอนถ่ายคนจะตัดขอบหรือถ่าย Portrait แล้วตัดภาพคมยิ่งขึ้น
- ติดแฟลช Dual LED Flash มาให้ในตัว รองรับ Multi Autofocus (ถ่ายแบบ PDAF+CAF โฟกัสแบบพิกเซลจับภาพรอบทิศทางแบบ omni-directional)
- ถ่ายวิดีโอ 8K 30fps, 4K 30/60 fps, 1080p 30/60 fps ได้
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งแบบ SA, NSA ช่องซิมเป็น Nano-SIM
- ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos เสียงดีไว้ใจได้
- มีสีม่วง Winter Mist (สีเฉพาะของ OnePlus 9), ดำ Astral Black, สีน้ำเงิน
เรื่องสเปคเนี่ย เรียกว่าแรงหายห่วงเล่นเกมหรือเอาไว้ถ่ายภาพสวยๆ ก็ได้ภาพโทน Hasselblad ออกมาเข้มคมดูดีทีเดียว จากที่เคยแซวกันมาก่อนว่ากล้อง OnePlus ถ่ายมาก็งั้นๆ ไม่ได้จะสวยอะไรเนี่ย เรียกว่าต้องมองกันใหม่เลยนะ
การใช้งาน, ส่องรอบเครื่องแล้ว OnePlus 9 มีอะไรให้ใช้บ้าง
ก่อนอื่นเริ่มส่องรอบตัวกันก่อนว่า OnePlus 9 ตัวนี้ หน้าจอเป็นแบบเรียบ 6.55” ความละเอียด FHD+ พาเนล Fluid AMOLED จอ Refresh Rate 120 Hz ตัวนี้จะเป็นหน้าจอแบบเจาะรูติดกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลเอาไว้ตรงขอบบนซ้ายของหน้าจอ เรื่องกล้องหน้าอาจจะถ่ายได้ระดับหนึ่งแต่ถามเรื่องความสวยก็แค่พอใช้งานได้เท่านั้นเอง


ฝั่งซ้ายเป็นปุ่ม Volume +/- ติดเอาไว้เท่านั้น ส่วนฝั่งขวามือเป็น Alert Slider ที่ถ้าอยู่ล่างสุดเป็นเปิดเสียง ตรงกลางเป็น Vibrate และดันจนสุดเป็น Silent เรียกว่าเป็น DNA เฉพาะของ OnePlus ที่เห็นมาตลอดตั้งแต่รุ่นแรกๆ ส่วนถัดลงมาเป็นปุ่ม Power สำหรับล็อคหน้าจอ


ขอบบนตัวเครื่องจะมีแค่ไมค์ตัดเสียงรบกวนติดไว้หนึ่งตัวเท่านั้น ส่วนขอบล่างจากซ้ายจะเป็นถาด Nano-SIM ตรงกลางเป็น USB-C รองรับ Warp Charge 65T และขวามือเป็นลำโพงตัวเครื่อง ได้เสียงแบบสเตอริโอคือเสียงออกจากทั้งลำโพงคุยโทรศัพท์และลำโพงล่าง เรื่องเสียงดังและมิติเรียกว่าหายห่วง ชอบดู Netflix คือเพลินๆ ได้เลย
ด้านหลังเป็นโลโก้ OnePlus เลข 1 กับเครื่องหมายบวก ซึ่งถ้าเป็นโมเดลรับชาร์จไร้สายได้ด้านใต้ก็จะมีโมดูลชาร์จไร้สายติดมาด้วย (แต่ของแอดกาวเป็นเครื่องจีนอ่ะ อดเลยเสียดาย) และกล้องด้านหลังมีอยู่ 3 ตัวมุมบนซ้าย ซึ่งตัวเลนส์จะนูนออกมาแบบว่าถ้าใครใช้เครื่องไม่ใส่เคสที่แถมมาให้แล้ววางโต๊ะคือโคลงแน่นอนไม่ต้องคิดมา ส่วนเลนส์ที่เขาเรียงให้ ตัวบนเป็น Ultrawide กลางเป็น Wide หรือกล้องหลักและล่างสุดปิดด้วยโมโนโครมสำหรับถ่ายขาวดำกับ Xpan mode
เรื่องงานประกอบคือสมชื่อเรือธงมากๆ ส่วนตัวถ้าไม่ติดว่าถนนบ้านเราเดินแล้วสะดุดง่ายหน้าทิ่มเก่งก็ไม่อยากใส่เคสให้เครื่องหนาหรอก เพราะว่างานประกอบจับแล้วฟีลดี แน่น เนียนมาก เรียกว่าบางทีถ้าอยู่บ้าน WFH ไม่ได้ไปไหนมาไหนก็ถอดเคสออกแล้วถือเครื่องเปล่าๆ วางบนแผ่นรองเมาส์เป็นประจำ ส่วนออกข้างนอกค่อยใส่เคส ป้องกันน้องกระแทกพื้นหรือโดนอะไรเสียหาย
เรื่องฟิล์มกันรอย ส่วนตัวถ้าไปร้านตัดฟิล์มมาติดหน้าจอก็ถือว่าไม่ยากหรือใช้ฟิล์มไฮโดรเจลดีๆ ไปเลยก็ถือว่าเลิศถือว่าดีงามอยู่ สัมผัสการตอบสนองหน้าจอเรียกว่าโคตรดีติดมือมากๆ เพราะ touch sampling rate 360 Hz เรียกว่าเด็ดจริง เช่นเดียวกับหน้าจอ 120 Hz คือลื่นเนียนตาจนตาแอดกาวก็เริ่มเสียนิสัยตามคนอื่นเหมือนกัน (ฮา) แต่จริงๆ แล้วใช้จอเกมมิ่ง 165 Hz อยู่ที่บ้าน ก็ต้องถือว่าเรื่องภาพลื่นนวลต่อเนื่อง OnePlus ทำได้เนียนจริงไรจริง ส่วนการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเรียกว่าคม แม่น แตะแล้วติดไวไม่ต้องเล็งหลายท่าให้เสียเวลา แตะแล้วมาเลย
ในกล่อง จะมีของมาให้ 3 อย่างคือตัวปลั๊ก Warp Charge 65T พร้อมสายสีแดงหัวปลั๊กขาวกับเคสใสอีกหนึ่งตัว จริงๆ OnePlus 9 จะมีฟิล์มกันรอยติดมาให้ด้วย แต่แอดพูดได้คำเดียวว่า “แกะทิ้งเหอะครับ ห่วย” แล้วเอาไปติดฟิล์มดีๆ สักตัวแล้วเรื่องการทัชจะมีความสุขขึ้นเยอะมาก หรือจะใช้แบบไม่ติดฟิล์มอย่างที่แอดทดลองใช้งานอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยนะ กระจก Gorilla Glass 5 นี่แข็งแรงโอเค
กล้องถ่ายภาพ OnePlus 9 Hasselblad มาจูนให้จะเทพเบอร์ไหน?

เรื่องกล้อง คือแอดเนี่ยส่อง OnePlus มาตั้งแต่ OnePlus 6-8T แล้ว แต่ก็ไม่ได้สอยสักทีเพราะติดเรื่องนี้เป็นประเด็นเลย คือเรื่องสีสัน Contrast การโฟกัสบางส่วนแอบแปลกๆ จนทำใจรับยากไปหน่อย จนกระทั่ง OnePlus 9 ที่ได้ Hasselblad มาจูนสีให้กล้องเนี่ยแหละ โดนภาพจากแอดแมวมาเซ็ตเดียว คือกดสั่งตอนติดไฟแดงระหว่างขับรถกลับบ้านเลย (ฮา)
เรื่องภาพจากกล้อง ต้องถือว่าเรื่องถ่ายเรื่องตัดขอบฉลาดขึ้น เนียน แต่เรื่องโฟกัสต้องกาดอกจันเอาไว้ก่อน คือปัญหาที่เจอตอนใช้งานคือเรื่องการจับโฟกัสที่ยังมีเอ๋อหลายครั้งอยู่ (OnePlus 9 Pro ของแอดแมวเขาก็เจอ) เรียกว่าถ้าจับโฟกัสเองอาจจะไม่ค่อยทันใจและจับแบบอิหยังนะหลายที ให้ดีสุดคือแตะโฟกัสเลือกให้กล้องมันไปเลยว่าเราจะเอาตรงนี้ชัดนะ เท่านั้นแหละมันถึงจะออกมาคมสวย



ส่วนเรื่อง Ultrawide ต้องถือว่ากว้างระดับที่ไม่ต้องถอยออกมาก็ถ่ายสวย แต่ทำไมต้อง Ultrawide ในเมื่อเรามี XPan mode ของ OnePlus x Hasselblad ที่ใช้ Wide+Ultrawide ถ่ายคู่แล้ว Process เป็นภาพโคตรกว้างออกมาแทน (ฮา) เรียกว่ามันได้เรื่องความคมและภาพกว้างระดับที่ Ultrawide ธรรมดามีอายกันไปข้างเลย

เรื่องถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือมืด เรียกว่าโหดเกินตัวทั้งเรื่องความสว่าง, Dynamic Range คือทรงดีมาก ถ่ายที่แสงสลัวอย่างภาพปั๊มน้ำมันก็ออกมาโอเคหรือในห้องที่มืด มีแต่แสงไฟหน้าจอกับโคม Yeelight ก็ออกมาสวยระดับเอามาขึ้นเป็น Cover photo ของ Facebook ได้เลยไม่มีเขินฮะ ส่วนถ้าเอาภาพที่ได้ไป Process เพิ่มหน่อย บอกเลยว่าออกมาทรงดีแน่นอน

ด้านของกล้องหลัก ถ้ากดถ่ายไปเลยตรงๆ เรียกว่าภาพออกมารมใช้ได้และเก็บสีสันได้แม่นเท่ากับที่ตาเห็นนะ ไม่เกิดอาการโอเวอร์หรืออะไร อย่างภาพราเมงเอบิสึที่แอดกาวไปกินเมื่อก่อนหน้านี้ก็สีแบบนี้ ไม่มีการโอเวอร์เข้ามา รายละเอียดโอเคและคมตรงส่วนสำคัญๆ ในภาพอยู่ เรียกว่าใครอยากเอาไปทำร้ายเพื่อนที่ไม่กินข้าวตอนกลางคืน ถ่ายแล้วโยนใส่หน้ามันรัวๆ ได้ครับ (ฮา)

ด้าน Ultrawide เรียกว่าเก็บภาพบนโต๊ะได้กว้างอยู่ แต่ Contrast จะมีแอบจัดนิดๆ และส่วนที่มันยังไงๆ คือตรงข้าวสวยในถ้วยคือกลายเป็นปื้นเดียวไปหมดเลย อันนี้แอบติงนิดๆ แต่โดยรวมถือว่าออกมาโอเคได้เรื่องอยู่ ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ถ้าเอาไปใช้ถ่ายภาพเก็บวิวหรือถ่ายของบางอย่างไม่อยากถอยเยอะก็ตัวนี้ได้เลย และกล้อง Ultrawide คือทำหน้าที่เป็นโหมดมาโครที่ปรับออโต้ให้ด้วยเวลากดหน้าเลนส์เข้าของชิ้นเล็กๆ ที่อยากถ่าย กล้องตัดสลับโหมดให้เอง แล้วออกมาคมพอตัวนะ
ด้านโหมด Portrait ที่แอดกาวลองเอามาถ่ายไอศกรีมของร้านรินทาโร่ที่แวะไปวันก่อนกับคุณพยูนบูดดู อันนี้ส่วนตัวแอดชอบมากเพราะมันตัดขอบภาพมันโหดจริง เรียกว่า Object ที่ต้องการถ่ายมันคมกริบแต่ด้านข้างคือเบลอกันหมด นาทีนี้ OnePlus 9 ก็ถ่ายคนได้สวยๆ ยิ่งถ้าใครอยากถ่ายโบเก้ดีๆ ก็จบที่หลังกล้องได้เลย
ด้านวิดีโอ OnePlus ก็ยังทำตัว OnePlus อยู่ดีครับ เพราะว่าถ้า 4K 30 fps HDR, 4K 60 fps เมื่อไหร่ตัดที่ 5 นาทีเหมือนเดิมและแอบหลังอุ่นด้วย และ 8K 30 fps ก็นิสัยเดียวกัน เรียกว่า OnePlus ถ้าอยากถ่ายคลิปให้ยาวๆ ลื่นๆ ตัดใจแล้วถอยลงมา 1080p 60 fps จะดีกว่า ส่วนเรื่องภาพและความต่อเนื่องของคลิปเรียกว่าถ่ายได้ดี ไมค์ก็อัดชัดเจน ก็ถ้าอยากดูตัวอย่างก็ดูคลิปที่แอดกาวอัดคลิปทำ Mechaincal Keyboard ตัวนั้นบนเพจได้เลย อันนั้นแอดใช้ OnePlus 9 อัดคลิปครับ
เล่นเกมเป็นยังไงบ้าง? ใช้งานจริงแบตถึกไหม?
แบตฯ เห็นเป็นลิเธียมโพลิเมอร์แต่ 4,500 mAh เอง มันจะอยู่รอดวันไหม อันนี้ประสบการณ์ตรงแอดกาวเลยคือ “ถึกเชี่ยๆ เลยครับ ระดับว่าคุณชาร์จตอนกลางคืน 100% แล้วหยิบมาเล่นเกมนิดหน่อยก่อนนอน ล็อคจอแล้วปล่อยทิ้งไว้บนโต๊ะใกล้หัวเตียง ตื่นมาแบต 93% ก็เอาไปทำงานได้เลย ไม่ต้องชาร์จระหว่างวันก็ได้ อย่างที่เคยใช้ถลุงสุดทั้งฟังเพลง ถ่ายภาพบ้างและเล่นเกมผสมระหว่างกลางวัน คือเหลือถึงบ้านตอน 2 ทุ่มราว 28% ส่วนนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ Battery optimization ของ OxygenOS และ Snapdragon 888 ที่จัดการพลังงานดีมากๆ จนว่าถ้าชาร์จเต็ม แอดก็ถอดมาใช้ลากยาวๆ ไปเลย
ส่วนเล่นเกม คือชื่อชั้น Snapdragon 888 อ่ะเนอะ นาทีนี้ใครเล่น RPG อย่างแอดกาว เช่น Fate/Grand Order คือยิงท่าไม้ตายสาดโฮกุกันกระจาย เอฟเฟคคือไม่กระตุกเฟรมไม่ตกเลย ฟันธง ส่วนใครสายปล่อยฟาร์มอย่าง Princess Connect Re:Dive หรือ Alchemy Stars ปล่อยมันฟาร์มได้อยู่ครับ แบตเตอรี่ยังพอให้คุณฟาร์มได้หลายชั่วโมงเลย แต่ส่วนนี้ไม่ได้จับฮะขอโทษที่ตอบไม่ได้ว่านานสุดกี่ชั่วโมง แต่ก็นานอยู่ ส่วน RoV คือคุณเล่นไปเหอะช่วงพักกลางวันอ่ะ เล่นทั้งชั่วโมงก็ไม่เป็นไร แบตฯ ยังเหลือๆ แล้วที่ดีคือเครื่องไม่ร้อนจ้า อย่างมากก็อุ่นๆ ตรงแผงเมนบอร์ดตรงข้างโมดูลกล้อง ถ้าถือเล่นยาวๆ เป็นชั่วโมง อย่างมากคืออุ่นมือแบบรู้นะว่าแกใช้พลังงานเต็มที่อ่ะ แต่ไม่ลวกมือเหมือนบางรุ่นบางแบรนด์ที่กลัวกัน สรุปคือ เรื่องเกมหายห่วงไปได้เลย สายฟาร์มเกมหนักๆ กดเครื่องนี้ไปไม่ผิดหวังจ้า
แต่ที่แบตจะไหลหน่อยที่แอดแมวเขาเสริมและคุยกันหลังบ้านเป็นประจำ คือ GPS ของ OnePlus 9 Pro เนี่ยตัวกินแบตฯ เลย คือถ้าใครหลงทางหรือต้องขับรถไปที่ๆ ไม่คุ้นบ่อยๆ นะ คุณเตรียม Power Bank กับสายชาร์จดีๆ สักตัวติดรถเอาไว้เลย ยังไงได้ใช้แน่นอน ถ้าจำไม่ผิด 1 ชั่วโมง 10% ได้มั้ง? และเป็นเรื่องเดียวที่แบตฯ ไหลด้วย ตรงนี้ OnePlus 9 ของแอดกาวก็เจอเหมือนกัน ก็ใช้แบบนิดหน่อยแค่พอลากเรากลับทางหลักได้ค่อยปิด เท่านี้ก็ช่วยมันได้เยอะมากๆ แล้วแหละ
สรุป – สอยไปเหอะครับ ไม่ผิดหวังหรอกของดีระดับเนี้ย!
ถ้าย้อนเวลากลับไปวันนั้นที่แอดแมวเขาโทรมาเม้าส่งภาพมากรี๊ดในแชตว่าแกเอ๊ย ซื้อ OnePlus 9 เหอะ เชื่อชั้น ก็คงจะสอยเหมือนเดิมเพราะเรื่องความแรงและประสิทธิภาพต่างๆ เรียกว่าหายห่วงและเรื่องกล้องก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแบบพลิกตัวเลย ส่วนนี้ยกความดีความชอบให้ Hasselblad นะ พอถ่ายภาพออกมาคือไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย Contrast ก็ไม่เกินไปเหมือนสมัย OnePlus 8T แล้ว เรียกว่าถ้าเอามาเล่นเกมและถ่ายภาพใช้งานและเอาสวยด้วย ไม่ผิดหวังนะ
เรื่องความแรงไม่ต้องถาม มันผ่านแล้ว มันดีแล้วและยังได้ซัพพอร์ตยาว 4 ปีเต็ม (และบางคนอาจจะลากไป 5-6 ปีด้วยซ้ำมั้ง?) เรียกว่าสอยเครื่องเดียวอยู่กันไปยาวๆ ได้เลยไม่ต้องห่วง แม้จะเป็นเครื่องหิ้วแต่เรื่องงานประกอบ ความทนทานแข็งแรงและการดูแลจากร้านหลังการขายก็เรียกว่าหายห่วงไม่ต้องกลัวว่าถ้าไม่ใช่เครื่องศูนย์แล้วพังจะเอายังไง เอาไปร้านที่แอดกาวกำลังจะป้ายยาคุณๆ เนี่ยแหละ จบๆ และถึงสอยตอนนี้ก็ยังไม่ตกรถนะ มันยังแรงยังใช้งานได้อีกสบายๆ ระดับที่ว่าถือมาใช้ไม่ขี้เหร่ แรงหายห่วงล้อฟรีไปอีก 2-3 ปีเป็นอย่างต่ำๆ
ส่วนจุดจะบ่นเหรอ OnePlus ครับ ทำไมต้อง 2 มาตรฐาน เครื่อง OnePlus 9 โมเดลจีน (ที่แอดกาวถืออยู่) ทำไมมันไม่มีชาร์จไร้สายเหมือนโมเดล EU, NA ล่ะ ใส่ๆ มาเหอะ โมดูลนึงแปะเข้าไปไม่กี่บาทหรอก ซึ่งแอดกาวเนี่ยจะติดใจตรงไม่มีชาร์จไร้สายอยู่ช่วงแรกๆ เพราะว่ามันสะดวก หยิบมาแล้วแปะแท่นชาร์จไปเลย ตื่นมาหยิบไปใช้ได้เลยไรงี้ แต่พอระบบจัดการพลังงานมันโอเคก็เลยยังพอมองข้ามได้ แต่ขอเหอะ OnePlus ถ้ารุ่น 10 ออกมาก็ใส่ชาร์จไร้สายมาทุกโมเดลทั้งในและนอกจีนไปเลย จะได้จบๆ คนที่จำใจต้องสอยเครื่องหิ้วอย่างเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจว่าอ้าว ชาร์จไม่ได้เหรออะไรแบบเนี้ย
รีวิวเสร็จแล้ว มาป้ายยากันดีกว่า รวมวาร์ปร้านที่แอดสอยมาให้ทุกคนได้หวดกันจ้า อันนี้บอกกันก่อนว่าถ้าใครจะ OnePlus 9 ตามแอดกาวมันจะเป็นโมเดลจีนแฟลชรอม EU ก็ใช้งานได้ตามปกติแต่ไม่มีชาร์จไร้สาย ส่วน Pro เรียกว่าฟังก์ชั่นมาเต็ม คิดว่าเป็นเครื่องจีนแฟลชรอม EU เหมือนกัน
ถ้าใครอยากสอย OnePlus 9 แบบแอดกาว เรามีทางเลือกให้จ้า
- Lazada TreeMobile MBK (8/128GB @ 18,350.- / 12/256GB @ 20,400.-) : https://bit.ly/3CEM4BZ
- Shopee TreeMobile MBK (8/128GB @ 18,800.- / 12/256GB @ 20,850.-) https://shp.ee/6m9gxnf
OnePlus 9 Pro
- Lazada TreeMobile MBK (8/128GB @ 23,500.- / 8/256GB @ 25,000.- / 12/256GB @ 27,500.-) : https://bit.ly/3Fv7tiA
Shopee TreeMobile MBK (8/128GB @ 23,950.- / 8/256GB @ 25,500.- / 12/256GB @ 28,050.-) : https://shp.ee/xxjae3f