หลังจาก ChatGPT by OpenAI ออกเวอร์ชั่นเสียตังค์ที่เชื่อกันว่าสมรรถนะในการสร้าง generative content เทียบเท่านักวิจัยมือพระกาฬทำงานพร้อมกัน 4-5 คน หรือดีกว่า บนพื้นฐานว่าถ้าเป็นเนื้อหา review จากสิ่งที่สามารถค้นได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ตนะ

 

ChatGPT ใช้ให้ดีก็ดี เช่น

 

– แอดแมวเอง งานประจำต้องสื่อสารกับคนต่างชาติบ่อย เราก็สร้างเนื้อหาเอง แต่ใช้ ChatGPT ตรวจ Grammar เพราะ ChatGPT ก็เหมือนลุงข้างบ้านที่แม้จะชอบมั่วเอาเรื่อง A มาปนกับ B แต่แกน่าจะได้ TOEFL 110 นั่นแหละ

 

– เอามาเขียนจดหมายโต้ตอบหรือข้อมูลสื่อสารพื้นฐานสำหรับการตอบหลังบ้านโดยให้สืบค้นภายในเว็บไซต์องค์กรหรือหน่วยงาน ซึ่งอันนี้เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับแอดมินทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีพื้นฐานวิชาการสูงแต่เก่งคอมและมีจิตใจซัพพอร์ต

 

อย่างนี้เป็นต้น

 

แต่ทางกลับกัน ก็มีคนที่ใช้ในทางที่ไม่ค่อยโอเค เช่น เอามาเขียนหนังสือขาย ซึ่งอ่านแล้วมันจะเป็นจริงเป็นจังเพราะ Grammar+Vocabulary ไปจนถึง contruction ประโยคต่างๆ มันดีกว่าคนปกติ 95% อ่านแล้วดูเหมือนกับเขียนมาจริงๆ หรือร้ายกว่านั้นก็คือเอา generated content พวกนี้มาตีพิมพ์เป็นผลงานวิชาการพวก scientific review แบบนั้นเลย

 

 

เพราะล่าสุด มหาวิทยาลัยแคนซัสได้พัฒนาเตรื่องมือตรวจสอบ ChatGPT แล้ว โดยมีการใช้ training set จากเอกสารตีพิมพ์บนวารสาร Science และพบว่าสามารถแยกแยะถูกต้องว่าเอกสารไหนทำโดยมนุษย์ เอกสารใดเป็น AI-generated ได้แม่นยำกว่า 99%

 

ซึ่งโอเค ตอนนี้ด้วยจำนวนเปเปอร์ที่ train AI ไปสู้ AI เนี่ยครับ มันยังเป็นแค่การ proof-of-concept ว่า แนวคิดในการจับ AI ของทางทีมนักวิจัยใช้ได้จริง และคงขยาย training set+กลไกในการจับข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นไปอีกขั้น เพราะอย่าลืมว่า GPT4 เองมันมีความลึกและความสามารถมากกว่ารุ่นก่อนๆ มาก จะใช้แค่การแยกความถี่ในการสร้างประโยคใหม่ ไปจนถึงการเขียนประโยคลักษณะความซ้อนที่ AI มักจะทำออกมาในรูปแบบเดียวกับต้นฉบับเอกสารที่มันค้นได้เป๊ะๆ คงจะยากมากแล้วสำหรับ GPT4

 

แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการในการ counter-AI ที่ดี และดีต่อมนุษยชาติ เพราะไม่เช่นนั้น มนุษย์ที่มีความสามารถเชิงวิจัย แค่ตีพิมพ์อะไรออกมา คนหัวใสก็รอจ้องเอา AI มา generate content สร้าง review paper ของตัวเองต่อจากนั้นได้ทันที ทำงาน 1% ได้ผล 100% นี่ก็แอบโกงชาวบ้านไปเด้อ