“แอดกาว เดี๋ยวมีกล่องลึกลับส่งไปที่บ้านนะ เตรียมรับด้วย” เป็นข้อความสั้นๆ จากแอดแมวผู้นั่งประชุมจนชีวิตแทบไม่เหลือเวลาเอาไว้ใช้ตามปกติมาถึงแอดกาวที่กำลังขับรถกลับบ้านแล้วเห็นข้อความนี้ แอดตอบแกสองสามคำแต่ท่าทางชีวิตแกคงจะยุ่งจริง เลยตรงกลับบ้านมาเจอกล่องใบใหญ่ใส่ไอเทมที่ว่าอยู่ในบ้านพอดีเป๊ะๆ
ของในกล่องนั้นคือ Signo Moxxie MP-706 ไมค์คอมพิวเตอร์ของ Signo แบรนด์เกมมิ่งเกียร์ของคนไทยที่คราวก่อนส่ง Signo NUZZON ที่เป็น Optical Mechanical Keyboard มาให้รีวิวเล่นนั่นแหละ ตอนนี้ก็เป็นไมค์สำหรับต่อคอมอีกตัว แถมราคาไม่แพงแค่ 990 บาท แต่คุณภาพเสียงเทียบตัวพันต้นหลายๆ แบรนด์ได้ อันนี้กระซิบเบาๆ ว่าตอนแอดเอามาต่อคอมคุยเล่นกับเพื่อนเนี่ย เสียงมันดีจนเพื่อนชมกันเลยว่าเออ เฮ๊ย ราคาถูกแต่โอเคเลยนี่หว่า
ซึ่งในบรรดาไมค์คอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ลองมาแล้ว เจ้า Signo Moxxie MP-706 มันดีทั้งราคาและคุณภาพของมันจริงๆ แต่มันยังมีเรื่องน่าปวดหัวตรงการตั้งค่าเสียงของตัวไมค์นั่นแหละ คือถ้าเดิมๆ จิ้มคอมด้วย USB-C to A ใช้งานเลย เสียงมันจะเบาเอาเรื่องและไม่ค่อยมีเอคโค่เสียงเท่าไหร่ ฟังแล้วมันแห้งๆ ต้องมาแก้ที่ Volume, Echo กันใหม่ แต่พอดูหน้าไมค์เสร็จก็ต้องอุทานแบบเดียวกับแซมูเอล แจ็คสัน ว่าทำไมมันมินิมอลจนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับมันดี (วะ) เนี่ย
อธิบายให้เห็นภาพคือ Volume กับ Echo มันรวมอยู่ใน Volume Knob เดียวกัน พอกดตัวลูกบิดจะสลับการตั้งค่าไปมาระหว่างสองส่วนนี้ แต่มันไม่มีสัญญาณบอกเลยว่าตอนนี้อยู่ในโหมดไหน เปิดคู่มือก็ไม่มีคำแนะนำอะไร ต้องลองผิดลองถูกเอง ซึ่งตั้งต้นมันจะเป็น Volume เลยใช้วิธีหมุนให้ดังสุดเอาไว้ก่อนแล้วค่อยกดเปลี่ยนเป็น Echo แล้วปรับเพิ่มเล็กน้อยประมาณ 2 ขีด แล้วกลับมาเซ็ตเสียงเพิ่มอีกที
แต่จุดชอบคือ มันเป็นไมค์ Plug&Play จิ้มสายใช้งานได้เลย แล้วไปเซ็ตตั้งค่าใน Control Panel ได้เลย ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ เพิ่มให้วุ่นวาย พอเซ็ตเสียงจนเสร็จก็ใช้ได้เลย สะดวกมากไม่ต้องวุ่นวายทำโน่นเซ็ตนี่ให้เสียเวลา ปรับมันดิบๆ หน้างานเนี่ยแหละ!!
จุดที่ชอบ
- ราคาไม่แพงแค่ 990 บาท ได้ไมค์คอนเดนเซอร์เสียงคมๆ เอาไว้อัดเสียงหรือคุยกับเพื่อนได้
- สายเป็น USB-C to A สายเดิมในกล่องเสียไม่กลัว เอาสายของมือถือมาจิ้มใช้ต่อก็ยังได้!
- ใช้ง่ายเซ็ตสะดวก แค่จิ้ม USB-C to A เส้นเดียวจบปิ๊งแล้วไปตั้งค่าใน Control Panel เอา
- มีรูต่อขาตั้งไมค์ติดมาให้ จัดโต๊ะคอมสะดวกไม่กินพื้นที่เยอะ จ่ายเพิ่มแค่ร้อยต้นๆ ก็ได้ใช้แล้ว
- มีไฟสีแดงแสดงระดับ Gaining อยู่หน้าไมค์ เทสต์เสียงและปรับตั้งค่าได้ง่ายมาก
- งานประกอบดีแข็งแรงเกินราคา เทียบชั้นไมค์ราคาพันต้นหลายๆ ตัวได้เลย
- มีปุ่ม Mute แบบสปริงกดใช้งานเข้าใจง่าย ถ้ากดลงไปก็ปิดเสียงไมค์ กดปล่อยออกมาก็เปิดเสียง
ไม่ชอบอะ แก้หน่อย!
- ไม่มีสัญลักษณ์บอกเลยว่าตอนไหนเป็นปรับ Volume หรือ Echo ต้องอาศัยความเข้าใจส่วนตัวอะ
- กระดาษคู่มือวิธีการใช้เขียนไม่ละเอียดเลย น่าเขียนสอนวิธีใช้งานเบื้องต้นมาหน่อย
- องศารับเสรียงของหน้าไมค์แคบไปนิด ถ้าปรับไม่ตรงปากหรือทิศทางเสียง ก็จะไม่มีเสียงเลย
วาร์ปไปสอยไมค์ตัวนี้เหรอ เชิญเข้ามาทางนี้ได้เลยจ้ะ รวมเอาไว้ทั้ง Shopee, Lazada จะได้หวดได้ถนัดๆ ตามต้องการ
Nava IT @ 890 บาท > https://shope.ee/4V8rS6MhnP
IT Mall @ 890 บาท > https://shope.ee/1q86HDamg6
BaNANA @ 990 บาท > https://shope.ee/30K3fPr85a
Signo Shopee Mall @ 990 > https://shope.ee/10YzHmFwlE
Signo LazMall @ 990 > https://s.lazada.co.th/l.dz0h
เจ้า Signo Moxxie MP-706 ตัวเนี้ยที่แอดได้มา กล่องมันจะเป็นทรงสูงแนวตั้งพร้อมสกรีนภาพไมค์ไว้หน้าและข้างกล่อง หลังกล่องเป็นสเปคเจ้าไมค์ตัวนี้ โดยตัวมันเป็น Condensor รับเสียงด้านหน้าแบบ Cardioid เนื้อเสียงถือว่าคมใช้ได้ สเปคของไมค์แบบละเอียดๆ จะเป็นตามนี้
ประเภทของไมค์ | Condensor Microphone |
น้ำหนักและขนาด | 100x100x186 mm. (กว้างxลึกxสูง) หนัก 390 กรัม |
พอร์ตเชื่อมต่อ | USB-C to A แบบข้อต่อตัว L เป็น USB 2.0 |
Polar Pattern | Cardioid ปรับไม่ได้ |
Frequency Response | 20Hz~20kHz |
Sample Rate | 48kHz at 16-bit |
Impedance | 16 โอห์ม |
Mic sensitivity | -38dB ถึง 3dB |
เจ้า Signo Moxxie MP-706 ตอนแกะกล่องออกมา จะเป็นตัวไมค์ขันน็อตติดแท่นมาแบบสำเร็จรูปเลย แต่ถ้าจะถอดจากแท่นเอาไปต่อกับแขนต่อไมค์ก็หมุนน็อตลูกบิดด้านข้างไมค์สองข้างออกก็ถอดไปต่อได้เลย ด้านใต้ตัวไมค์จะมีช่องสำหรับหมุนน็อตเข้าไปติดมาให้ ซึ่งเจ้าขาตั้งไมค์คอมพวกเนี้ยราคาไม่แพงแค่ร้อยบาทต้นๆ เท่านั้นก็เอามาแต่งโต๊ะคอมได้แล้ว
พอร์ตใต้ตัวไมค์จะมีช่องต่อหูฟังสำหรับ Monitor ตอนใช้งานอัดเสียงพูด Podcast หรือตอนร้องเพลงอยู่ ตรงข้ามกันมีช่อง USB-C ไว้จ่ายไฟและเชื่อมต่อสัญญาณเสียงเข้ากับคอมในเส้นเดียว แถมตัวสายเป็นข้อพับแบบตัว L ทำให้ตอนร้อยสายข้ามช่องด้านหลังขาตั้งไมค์เข้ามาแล้วต่อมันจะเรียบร้อยไม่เหมือนหัวสายแบบเส้นตรง เพราะพวกนั้นพอต่อใต้ไมค์เสร็จตัวสายจะโค้งลงพื้นต้องมาม้วนเก็บสายอีกนิด
นอกจากดีไซน์ข้อพับเป็นตัว L ข้อดีอีกอย่างคือมันเป็น USB-C ถ้าสายเสีย (ซึ่งโอกาสไหนก่อนดีกว่า) ก็เอาสาย USB-C แบบที่โอนไฟล์เข้าออกคอมได้มาจิ้มใช้งานต่อได้เลย อันนี้ต้องชาบู เพราะ Fantech Leviosa ที่แอดใช้อยู่ก่อนหน้านี้เป็น USB-B to A ถ้าสายหักในหรืออยู่มาวันดีคืนดีแหกก็งานหยาบหาสายยากไปอีก! แต่ของ Signo Moxxie MP-706 ตัวนี้ไม่ต้องคิดมากฮะ พังเหรอไม่แคร์! ตูเดินเข้าเซเว่นหน้าบ้านซื้อสาย USB-C to A เส้นใหม่จิ้มใช้ต่อได้เลยเฟร้ย!
ถอดตัวไมค์ออกจากแท่นของมันหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าแอดไม่ทำให้ดูแล้วผมจะแกะยังไง?? เอาง่ายๆ เลย แค่หมุนลูกบิดด้านข้างขาตั้งไมค์สองเม็ดออก ถอดสาย USB-C ให้เรียบร้อย เท่านี้ก็เอาไมค์ไปเซ็ตเข้ากับแขนจับไมค์ได้เลยหรือถ้าหมุนปรับก้มเงยของตัวไมค์พอดีแล้วก็ขันให้แน่นล็อคไมค์ให้อยู่ในองศานั้นได้เลย
ส่วนปุ่มและฟังก์ชั่นหน้าไมค์ อันนี้ยกให้เลยว่า Signo ดีไซน์มาค่อนข้างดี เพราะมีปุ่ม Mute ติดมาให้เป็นแบบปุ่มสปริงกดแล้วจะปิดเสียง ด้านล่างเป็นลูกบิด Volume ถ้าบิดเลยเป็น Volume กดแล้วจะเปลี่ยนเป็นโหมดปรับ Echo ตอนแอดกาวลองเล่นนเนี่ยแนะนำว่าปรับ Volume เอาไว้สัก 9/10 แล้วหมุน Echo เอาไว้สัก 2/10 เสียงจะกำลังดีไม่สะท้อนเกินไปแต่ก็ไม่แห้งจนต้องขอน้ำซุปเพิ่ม จุดที่ชอบเอาเรื่องคือมันมีขีดแสดงระดับด้านหน้าไมค์มันเอาไว้จับ Gain peak ได้ในตัว ถ้ามีเสียงอะไรดังขึ้นมามันจะ Detect แล้วขึ้นขีดระดับเสียงตรงหน้าตัวไมค์ให้เห็นเลย เวลากด Mute เอาไว้แล้วเผลอพูดไปทำไมเพื่อนไม่ตอบก็ดูขีดเสียงเอาก็ได้ สะดวกดีแหละและจะขึ้นสองขีดหรือเกินสองก็ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกักตัวด้วย ถถถถ
ตอนใช้งานมันจะขึ้นขีดสีแดงๆ บอกว่าระดับเสียง Gaining ของไมค์มันรับเข้ามาเท่าไหร่ ทำให้ตอนพากย์เสียงคลิป, อัด Podcast หรือไลฟ์เกมจะเห็นระดับเสียงชัดเจน ซึ่งถ้าเสียงเรามันดังเกินไปก็หมุนลูกบิดเอาเลย ปรับ Volume เอาตามใจชอบและถ้ากดหนึ่งทีมันจะเปลี่ยนเป็นค่า Echo แทน ซึ่งตรงนี้แอดกาวลองเซ็ตตั้งค่าแล้วเข้า Discord คุยกับเพื่อนดูแล้วเทียบ Blind test คู่กับ Fantech Leviosa ดูแล้วเนี่ย ไมค์สองตัวมันจะมีจุดเด่นและโทนเสียงแตกต่างกัน เอาว่าแยกให้ตามนี้นะ
Signo Moxxie
- โทนเสียงจะคมกว่า Fantech อย่างชัดเจน จับเสียงได้ดี โทนเสียงไปทางนุ่มอุ่นฟังสบายหู
- เสียงเดิมๆ ตั้งค่าจากโรงงานถือว่าดีแล้วแค่ปรับ Volume กับ Echo นิดหน่อยก็พอแล้ว
- อย่าปรับ Volume ดังสุดเพราะว่าปลายเสียงมันจะอู้อี้กว่า Fantech
- ปลายเสียงของ Moxxie จะแหลมกว่า Fantech ขึ้นเล็กน้อย
Fantech Leviosa
- เนื้อเสียงได้ Frequency response ดีกว่าตัว Signo พอควร
- โทนเสียงออกไปทางใสและเคลียร์กว่ามาก สบายหูกว่าแต่คมน้อยกว่านิดหน่อย
- ติด Environment noise เยอะกว่า Signo อยู่บ้าง ถ้ามีใครนั่งดูหนังอยู่ในห้องรู้ทันทีว่ารหัสอะไร
- ส่วนตัวแอดกาวว่าตัว Fantech ปรับ Volume, Echo ง่ายกว่าเพราะมันเป็นลูกบิดคู่ แต่ปรับเกินครึ่งแล้วเสียงแตกทันที
เรื่องเนื้อเสียงเท่าที่แอดเทสต์มามันก็จะได้ประมาณนี้แหละ แต่ก็มีตัวอย่างตอนอัดเสียงด้วยไมค์ทั้งสองตัวอยู่บนซาวข้าว (SoundCloud) ให้ลองฟังเผื่อตัดสินใจได้นะฮะ มากดลองฟังเสียงปรบมือที่แอดอัดเอาไว้ตรงนี้ได้เลย
แต่นอกจากเรื่องเสียง โดยรวมแล้วแอดชอบ Signo Moxxie กว่า Fantech Leviosa เพราะตัวไมค์มันเล็กกะทัดรัด พอเอามาวางคู่กัน ต่อให้แอดช่วยนัง Leviosa ให้เตี้ยเท่าที่จะเตี้ยได้แล้ว มันก็ยังโคตรสูงกว่าตัว Signo เกือบ 40% เลย ถ้าเอามันมาวางไว้ระหว่างขอบหน้าจอสองคือเกะกะจนต้องหยิบมันหลบไปไว้ข้างๆ หน้าจอฝั่งซ้ายแทน ตรงนี้ถือว่าไม่น่ารักเท่าไหร่จริงๆ กลายเป็นว่า Signo มันเตี้ยพอดีเลยมุดเข้ามุมเล็กๆ ระหว่างหน้าจอสองบานได้ เอามาหย่อนทิ้งไว้บนโต๊ะคอมที่บ้านแล้วใช้ทำงานพากย์เสียงอัดคลิปหรือเล่นเกมก็ว่าไปได้ตามชอบ
โดยสรุปแล้วถือว่า Signo Moxxie เป็นไมค์คอมพิวเตอร์ที่แอดว่าดีและราคาไม่แพงเกินหนึ่งใบเทา ถ้าซื้อมาเล่นเกมหรืออัดเสียงทำงานมันก็โอเคทั้งคู่ แต่วิธีปรับ Volume, Echo มันใช้แอบยากกว่าแบบลูกบิดสองตัวของ Fantech Leviosa อยู่พอควร ในตอนแรกๆ ก็ต้องปรับตัวกันบ้าง แต่ชอบแบบชอบเลยต้องยกให้เรื่องสาย USB-C ของมันเนี่ยแหละ ถ้ามีปัญหาสายพังเปลี่ยนสายก็ไม่ต้องกลุ้ม หยิบสายชาร์จมือถือมาจิ้มใช้ต่อได้อีก สะดวกดีเลย!