วันนี้ได้มีโอกาสใช้ทางด่วนกาญจนาภิเษกตะวันออก จากทางเชื่อมมอเตอร์เวย์ หลังจากที่เหล่า Blogger หลายท่าน ให้ทรรศนะต่างๆ กันไป
Blogger #1
“สมัครง่าย แป๊บเดียวตัดได้ มันเห็นหน้ารถผมตั้งแต่สองร้อยเมตร”
Blogger #2
“สมัครไม่ผ่าน สมัครโคตรยาก”
Blogger #3
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะอ่านป้ายและทำความเข้าใจทัน ทำไมออกแบบมาไม่เข้าใจ Aging-Society”
Blogger #4
“ค่าปรับโคตรอ่วม ใครมันจะไปตั้งใจเบี้ยว”
Blogger #5
“ตัดยังไงไม่รู้ครับ ผมได้วิ่งฟรีแถมลด 20% ไปขานึง”
ส่วนแอดแมว เห็นว่าแบบนี้นะ
ประเทศเราไม่ได้มีปัญหาเพราะการนำ M-Flow มาใช้ การออกแบบให้มี M-Flow ถ้ามันเป็นระบบแรกที่มาก่อน M-Pass หรือ Easy Pass มันจะเป็นระบบที่ดีมาก ยกเว้นเรื่องค่าปรับย้อนหลัง ซึ่งโหดจริงๆ แบบที่เขาว่ากัน
ปัญหาสำคัญ คือ เราเป็นประเทศเดียวในโลกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่มี Multiple Standard หลายมาตรฐานสำหรับการจ่ายเงินใช้ระบบขนส่งมวลชนและคมนาคมของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Metro บัตรแมงมุม ที่ใช้ไม่ได้ทุกเครือข่ายจริง บัตร Rabbit ที่กลายเป็น Payment เพื่อการอื่นไปแล้ว ส่วนทางหลวงพิเศษ เราก็เจอทั้ง Easy Pass, M-Pass และตามมาด้วย M-Flow
มาดูกันว่านอกจาก M-Flow แล้ว แต่ละระบบมันคืออะไร
Easy Pass คือระบบส่งสัญญาณแบบ Near-Field Communication (NFC) ที่พัฒนามาไม่ทะลุฟิล์มแบรนด์ใหญ่เจ้าหนึ่ง ส่งคลื่นสัญญาณเพื่อตัดเงิน ซึ่งในการทำความเร็วนั้นจะน้อยหน่อยตรงต้องหยุดรถ และมีโอกาส Fail ได้บ้าง โดยเป็นบัตรที่ใช้งานสำหรับการผ่านทางหลวงพิเศษเท่านั้น
M-Pass เพิ่มขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์ในฐานะ e-Money มากขึ้น โดยในกรณีทางหลวงพิเศษ จะใช้ได้หลักๆ 2 เส้น ที่ต่อกันพอดี คือ 7 (มอเตอร์เวย์ชลบุรี) และ 9 (กาญจนาภิเษก) และคาดว่าเมื่อสาย 6 หรือบางปะอิน-โคราช เปิดใช้ ก็น่าจะใช้ระบบเดียวกัน? โดยตัดเงินจาก Tag ที่สามารถเชื่อมต่อได้ แอดเข้าใจว่าน่าจะเป็นระบบ RFID/NFC แบบเดียวกัน เป็นการใช้ Contactless Payment ที่ได้ประโยชน์กว้างขวางขึ้นนั่นเอง…
M-Flow ใช้ระบบแบบใหม่ คือ Image Processing/Video Tolling ลักษณะแบบเดียวกับกล้องถ่ายค่าปรับจราจรรถวิ่งเร็วนั่นแหละครับ เน้นการผ่านแบบไม่มีไม้กั้นเพื่อลดความคับคั่งหน้าด่าน โดยผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่การเก็บข้อมูล PDPA ในส่วนของผู้ครอบครองรถ, หน้ารถ, บัตรประชาชน และอื่นๆ เพื่อให้สามารถประมวลผลและยืนยันการเรียกเก็บเงินได้ โดยเปิดใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ กับ 4 ด่าน ของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง แยกจากช่อง M-Pass ปกติ
ประเด็นคือ ในภาพ (ภาพจริง แอดแมวถ่ายเอง) นั่นคือสภาพ ณ ด่านทับช้างเวลา 19:30 ในวันทำงานที่รถบนกาญจนาภิเษกขาออกไม่ได้คับคั่งอะไรเลย แต่รถทั้งหมดมาติดหน้าด่าน M-Flow ด้วยสาเหตุ
1. ช่องทางแยกงงมาก M-Flow ทุกสิ่งแยกไปขวา x4 โดยเอารถทั้งหมดทั้งที่จะลงเสรีไทยและวิ่งต่อไปบางปะอินมาเบียดกัน ซอยย่อยๆ เป็นช่องจ่ายเงินสดกับ M-Pass อีก!
2. ป้ายจราจรเดิมยังอยู่! รถใหญ่ก็ไปเทกองซ้าย ซึ่งแอดเองก็อ่านป้ายเข้าใจผิดไปรอบ (เพิ่งเป็นการผ่านครั้งแรกหลังเปิดใช้ M-Flow) เพราะปกติจะพกเงินสด! และเมื่อวานลงทะเบียน M-Flow ไม่ผ่าน จนกระทั่งใกล้ๆ หน้าด่านแล้ว เพิ่งเห็นว่าเสรีไทยไปได้ทั้งสองทางคือ ซ้ายสุด กับกลางค่อนซ้าย -*-
3. รถที่จะเข้า M-Flow งงกับการประชาสัมพันธ์ระบบ คือ ก่อนหน้านี้ใช้ NFC Contactless ที่ต้องหยุดหรือชะลอรถมากๆ ก่อนผ่าน ในขณะที่ M-Flow เป็น Freeflow ที่วิ่งผ่านได้จนถึง 120 กม./ชม. เต็มลิมิตของทางหลวงพิเศษเลย
ทั้งหมด ทำให้รถเกิดการชะลอหน้าด่านไม่พอ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แม้จะน้อยกว่าฝั่งฉลองรัชที่หลังๆ คนวิ่งออกนอกเมืองจะติดแบบนรกรับประทานก่อนลงเส้นสายไหมก็ตาม…
ปัญหาทั้งหมดเกิดจากอะไร?
1. การวางแผนวิศวกรรมจราจรบ้านเรา ไม่คำนวณถึงการสูญเสียภาพรวม… ที่ว่านี้หมายถึง บ้านเราจะมีปัญหามากในการเร่งโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ แม้ว่ามันจะทำให้เกิดจราจรมีปัญหาต่อเนื่องข้ามเขตเป็นปีๆ ก็ทนทำมันไปอย่างนั้น ในขณะที่เราจะเห็นคลิปเมืองนอก ระดมคนโครมๆ 1-3 วัน แก้ทางลอดทางเชื่อมใหญ่ๆ จบ แต่ต้องเตรียมเครื่องมือและจัดคิวกันแบบพลาดไม่ได้ช็อตต่อช็อต
2. เราเอาทุกอย่างมาไว้ในกรุงเทพฯ มากเกินไปหรือเปล่า? ถึงแม้เมืองหลวง EEC จะเตรียมย้ายไปศรีราชาก็จริง แต่ทุกอย่างก็ยังต้องผ่านกรุงเทพมหานครไปอยู่ดี แล้วยังไง? คนก็มากระจุกอยู่แถวนี้แหละครับ ทอทางด่วนซ้อนกัน 2-3 ชั้น ก็แก้ปัญหาไม่ได้
และสุดท้าย ที่หนักสุดและตรงประเด็นกับปัญหาวันนี้สุด
3. ช่องทางจ่ายเงินจำนวนมากไม่ใช่ปัญหา (เพราะมันควรใช้ได้ทุกช่องทางยันทรูมันนี่นั่นแหละ) ปัญหาคือ ในเมื่อประชาชนยุคนี้คุ้นชินกับการใช้ e-Payment หรือพฤติกรรมดิจิทัลแล้ว ทำไมเรายังมีปัญหาแบบเดิมๆ กับการที่เส้นทางหนึ่ง ระบบหนึ่ง รถต่อเรือก็แบบหนึ่ง สายสีน้ำเงินต่อสีม่วงก็แบบนึง รถคันนึงต้องแปะ Easy/M-Pass กระจาย… แปะเป็นพระเครื่องหน้ารถ แถมกรณี M-Pass เท่าที่แอดเก็บข้อมูลมา พบปัญหาเดียวกันว่า ถ้า Tag ตัวที่(เจือก)อ่านได้ตัวแรกล่ม ต่อให้ติด Tag หรือมี Tag สำรองอีกอันมันก็ไม่อ่านแล้ว! ไม่เชื่อไปลองดู 555+
มันควรมีเจ้าภาพจัดการจัดเก็บอะไรให้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องให้ทุกคนพกสารพัดแอพพลิเคชัน/บัตร เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตแต่ละวัน นี่ทั้งหมดขนาด ผบ.ทบ. แอดแมว ไม่ค่อยสมัครบัตรอะไรเยอะ แต่ก็ต้องลงแอพโคตรเยอะเพื่อใช้บริการ/สวัสดิการภาครัฐให้ครบ วุ่นวายอิ๊อ๋าย
ก็งงๆ กะเขาฮะ และสุดท้ายคือ ข้อมูล M-Flow เก็บ PDPA ข้อมูลส่วนบุคคลมหาศาลมาก หวังว่าระบบ Security จะขั้นเทพนะ เพราะมันคือทุกอย่างฝากชีวิตไว้หมดยันเล่มทะเบียนรถ
ก็ขอให้ราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ และเก็บเอกสารสำคัญไว้เป็นหลักฐานหากเจอปัญหานะครับ แอดเห็นตรงนี้สำคัญกว่าทุกสิ่ง ในยุคที่ “ข้อมูลส่วนตัวแพงกว่าเงินตรา”
/แอดแมว
23 กุมภาพันธ์ 2565