โพสนี้เป็นโพสที่ต้องบอกว่าเป็นงานเปิดดีลกับทาง JD CENTRAL และเขาเลือกมาให้นำเสนอสินค้าน่ากดซื้อ 5 รายการราคาพิเศษ ก็น่าจะพิเศษจริงๆ แหละเน้อ แต่บางคนอาจจะมีโดนปังสักสองสามตัวก็ว่ากันไปส่วนแอดได้รับของมาลอง 3 รายการจะเป็นอะไรลองไล่ๆ เรียงอ่านดูเน้อ เพราะที่ลองเองแล้วโดนใจก็มีจนแบบเออเห้ย ไม่ได้ลองจับมาก่อนเลยแต่พอได้จับก็มีการพูดคุยกับแอดแมวว่า ต้องมีโดนเองบ้างแล้วล่ะสักตัวแต่จะตัวไหนยังไง ไว้ได้ของแล้วไปโผล่บนหน้าเพจนั้นแหละเน้อ

เข้าเรื่องๆ ในเมื่อ JD CENTRAL จัดเปิดดีลมาให้ทีมแอดจัดช่วยโพสช่วยดันก็ว่ากันตามนี้ที่ #แอดแมว เขาเขียนถึงบวกกับ #แอดมินเบอร์2เมีย7ลูก11 กล่าวถึงและลองรีวิวเองนี่แหละเน้อจนกลายว่าเป็นบทความที่ยาวพอสมควร แต่ถ้าใครอ่านจบ คลิกซื้อแอดมองว่าบางตัวราคาดีเชียว พิจารณาก่อนซื้อเน้อ อ่ะเริ่ม! 

OnePlus 7T Pro McLaren Edition 12+256GB

OnePlus คือ ทอปแบรนด์จีนที่โด่งดังจาก OxygenOS Custom ROM ที่เสถียรและประสิทธิภาพสูงที่สุดในตลาดมือถือจีน แต่ยังคงความ Customizable แบบ Minimal แม้จะมี DNA แยกทางมาจาก Oppo และ Vivo แต่จุดต่างของ OnePlus คือเน้นการผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็น “Flagship Spec” โดยไม่เน้นเรื่องการตกแต่ง ความสวยงาม Cosmetic และอื่นๆ ไปทางเรียบ หรู สะใจชาว Geek สายฮาร์ดแวร์เทพนั่นเอง

แต่จะอินดี้เกินไปก็ดูจะไม่ถูกใจชาวบ้านร้านตลาด โดยเฉพาะตลาดไทยที่ถูกปลุกกระแสกันมาสักพัก กระทั่ง OnePlus มาตั้งศูนย์บริการในไทยอย่างเป็นทางการในที่สุด สาแก่ใจข้ายิ่งนัก

และเพื่อลบคำสบประมาทเดิมๆ OnePlus จึงก้าวล้ำไปอีกขั้น กับ OnePlus 7T Pro McLaren Edition ที่เราจะมาป้ายยากันในวันนี้

McLaren เป็นแบรนด์ไฮเปอร์คาร์จากสหราชอาณาจักรที่มีประวัติยาวนาน โดยเฉพาะในวงการมอเตอร์สปอร์ต แค่ได้ยินชื่อ “ความแรง” ก็พุ่งมาปรากฏในจิตวิญญาณแล้ว การที่กล้าเอาตรา McLaren มาสิงสถิตในเจ้า Flagship เหนือ Flagship ก็คงสื่อถึงปรากฏการณ์อะไรสักอย่าง

แน่นอน OnePlus จัดหนักให้สเป็กพิเศษตัวนี้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น

  • CPU: Qualcomm SnapDragon 855 Plus ตัวเรือธงสูงสุดแห่งปี 2019
  • RAM+ROM: อัพเกรดความแรงและความจุขึ้นไปอีกขั้น กับ RAM 12 GB LPDDR4X และ ROM 256 GB UFS 3.0 ให้การโหลดและบันทึกทุกคอนเทนต์ลื่นไหลไร้ที่ติ แรงระดับ GB/วินาทีกันไปเลย
  • Display: FluidDisplay 2K (3120×1440) 90 Hz ความสว่างสูงถึง 1,000 nits ที่ให้ความไหลลื่นทุกการเล่น ท่องเว็บ และอื่นๆ ไม่มีสะดุดทุกความเคลื่อนไหว
  • กล้องหลัง:
    • 48 MP ตัวหลัก พร้อมเซนเซอร์ IMX586 f/1.6 สว่างใส และ OIS แท้ๆ
    • เทคโนโลยี LaserFocus พร้อม UltraShot Engine
    • ผนวกกำลังด้วยเซนเซอร์ Ultra-Wide 16 MP f/2.2
    • เซนเซอร์เทเล 8 MP f/2.4 (1.0 um) สามารถซูมได้แบบ Lossless ถึง 3X
  • กล้องหน้า: Popup 16 MP f/2.0
  • Charge: รองรับ Warp Charge 30W
  • ฝาหลังลวดลายพิเศษ “Speedtail 2020” รุ่นพิเศษของ McLaren
  • กล่องใน Theme ส้ม-ดำ ลายคาร์บอนไฟเบอร์อลังการ เล่น Coloykey ไปจนถึงสายชาร์จและอแดปเตอร์
  • เคสพิเศษ Kevlar+Alcantara ลายและวัสดุเดียวกับภายในรถ McLaren
  • Theme UI สีส้ม-ดำ

สัมผัสในมือ: นีคือการก้าวกระโดดของ OnePlus จากความแรงลื่น ไปสู่ความ “แรง พรีเมียม และสเป็กโหด” ครบสมบูรณ์แบบ หากไม่ไขว่คว้าหาระบบเขียนหน้าจอที่อลังการของตระกูล Note จาก Samsung หรือต้องการกล้องอลังการที่ดีที่สุดในโลกแล้ว OnePlus 7T Pro McLaren Edition คือโคตร Flagship ที่เหมาะกับคุณ!

ความอลังการเหล่านี้ ตอบโจทย์ความแรงในราคาเพียง 19,990 บาท (ราคาอัพเดตใหม่ 18/03/2020 จากเดิม 23,990 บาท อ่ะ!! มีใครกดซื้อแล้วหลังหักไปบ้างเอ่ยแค่ข้ามคืนเองเน้อ อิอิ) ตามภาพตามป้ายกับส่วนลดยั่วๆ ตามไปตบได้ตามวาร์ปนี้ และพบได้เฉพาะที่เพจ #ถูกเสมอ #เมียเผลอบัตรพัง

————————————————————————————————-

HP PAVILION Gaming Notebook – AMD RYZEN 5 3550H / GTX1650 / Monitor IPS FHD 144Hz

 

Notebook Gaming รุ่นนี้ในมุมมองแอดนับว่าคุ้มไม่น้อยสำหรับคนหาตัวเครื่องที่เอามาเล่นเกม รวมไปถึงทำงานในราคาไม่ถึงหมื่นแปดแต่ได้แรมเพิ่มอีก 8GB พร้อมเพิ่มเติมแถม Gaming Mouse Logitech + กระเป๋าเป้ เด็ดในเด็ดคือโปรต่อเนื่องแถม Ram DDR4 8GB ยังคงอยู่อีก สรรพคุณอาจจะไม่ต้องกล่าวในบทความนี้เยอะเน้อ ดูแค่ สเปค กับราคาก็เกินจะลงตัว ทั้งตัวสีเขียว สีม่วง พอกันเลย ในราคาเท่ากัน 17,990 บาท ใครชอบไฟสีเขียวกดเขียว ใครชอบไฟสีม่วงกดม่วง

วาร์ปตัวเขียว 15-EC0012AX :
Tech Spec https://support.hp.com/us-en/document/c06452770

วาร์ปตัวม่วง 15-EC0013AX :
Tech Spec https://support.hp.com/us-en/document/c06452771#AbT0

อื่นๆ กับการจับรีวิวของจริงที่แอดได้รับมาส่งมอบมารีวิวจากทาง JD CENTRAL จะมี 3 ตัวนะ

เริ่มจาก Mi Composition Scale 2

ราคาช่างน่ากดซะจริง 499 บาท พอๆ กับชาบูหรือปิ้งย่างเนื้อหัวนึงแต่อันนี้เราได้ของมาใช้งานยาวๆ ในราคานี้ก็นับว่าคุ้มอ่ะไปดูภาพรวมๆ พร้อม Verdict จากแอดแมวตบท้ายเน้อ

ใช้ถ่าย AAA 4 ก้อน

ขึ้นช่างชก เอ้ยช่างธรรมดามันจะเก็บข้อมูลตามแถบเส้นๆ ด้านล่างส่งเข้าแอป MiFit (ใครใช้ Xiaomi Band หรือ Amazfit Bip ,Lite ก็คือใช้แอปตัวเดียวกันได้เลย)

โหลดแอป สมัครหรือ Login เสร็จเพิ่มอุปกรณ์กันเล้ยยย

ด้วยความมุ่งหมายในการพัฒนา Mi EcoSystem ได้สร้างสรรค์ Gadget เหนือจินตนาการมากมายในราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์ หลายครั้งทีมแอดฯ ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า นอกจากโลกที่สร้างโดยพระเจ้าแล้ว Mi จะสร้างทั้งหมดที่เหลือจริงๆ แบบที่ทุกคนคาดเดาไว้หรือไม่ เพราะจากสมาร์ทโฟนราคาเอื้อมถึง ลามไปอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ทุกวันนี้ แม้แต่ม็อบถูพื้น โคมไฟ และรถยนต์ (!) ก็ไม่พ้นเงื้อมมือที่ Mi จะเอื้อมถึงเสียแล้ว

อย่างแอดแมวก็ตกเป็นเหยื่อ “Mi งอก” ชิ้นที่หก ต่อจากมือถือ เครื่องฟอกอากาศ พาวเวอร์แบงค์ และเครื่องนวดกระชับ ด้วย Mi Band 4 จอสีในราคาเกินครึ่งพันมาไม่กี่บาท

ในอนุกรมของบรรดาสินค้าที่เชื่อมต่อแบบสมาร์ทๆ ได้ แอดมินมองว่ามันแบ่งได้ 2 สาย

  • สายที่ 1 คือพวกบรรดาอุปกรณ์ Home Appliance ที่เชื่อมต่อ Mi Home แอบดูสถานะ และสั่งการได้รอบทิศ ไม่ว่าจะตั้งเวลาเจ้าเครื่องฟอกอากาศก็ดี ดูความคืบหน้าในการขัดๆ ถูๆ พื้นของบอทดูดฝุ่น สองชิ้นนี้คงคุ้นหน่อย แต่ถ้าเราบอกว่า Mi จริงๆ มีขายยันเครื่องซักผ้าล่ะ?
  • สายที่ 2 คือบรรดาอุปกรณ์ด้านสุขภาพ ที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน Mi Fit ที่ติดตามกิจกรรม วัดการนอนหลับ ไปจนถึง Monitor การออกกำลังกายตามเป้าหมายลดน้ำหนักของคุณ ซึ่งหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบรรดาสมาร์ทแบนด์ และสมาร์ทวอทช์ ในราคาย่อมเยา แต่ประสิทธิภาพไม่เบา

สาย Mi Fit นอกจากบรรดานาฬิกาแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่หลายคนลืมไป ก็คือ “เครื่องชั่งน้ำหนัก” ในชื่อ Body Composition Scale

เราอาจจะคุ้นชินกับเครื่องชั่งทั่วไปที่วัดน้ำหนัก มีปรับ Tare เพื่อทดน้ำหนัก 0.0 ก่อนก้าวขาลงไปเบาๆ นั่งมองตัวเลขที่เพิ่มขึ้น กลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนพบว่า… หมดสเกล

Composition Scale ทำได้มากกว่านั้นครับ 🙂

ด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์ G ที่มีประสิทธิภาพความละเอียดและความแม่นยำสูงระดับ +/- 50 กรัม ร่วมกับเซนเซอร์ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA) วัดค่าดัชนีมวลกาย น้ำหนัก และอื่นๆ ได้ถึง 13 ค่า หลักๆ ที่แอดแมวจำได้และบอกแอดมินมาคือ มวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้ำหนัก ปริมาณไขมัน สัดส่วนโปรตีน ขนาดร่างกาย อายุร่างกาย ปริมาณน้ำ สมดุลร่างกาย ฯลฯ… มีอีก แต่จำไม่ได้จริงๆ ไปไล่ดูในแอพ Mi Fit เอานะ -_-“

และในความเป็นสินค้าในอนุกรม Mi Fit จึงสามารถเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ในการส่งข้อมูลมาเก็บสถิติในแอพ และรายงานความก้าวหน้าในการฟิตร่างกาย หรือความหย่อนยานของสังขารพ่อบ้านแม่บ้านได้อย่างเถียงไม่ออก 😛 อันในส่วนวิธีการชั่งก็ไม่ยาก แถมชั่งได้ทั้งน้ำหนักตัว หรืออาจจะชั่งของโดยการชั่งคนถือ และชั่งคนถือพร้อมของต่อเลยก็ได้ เขาเรียกโหมด Static vs Dynamic :3

ดีไซน์ของ Composition Scale 2 ประกอบด้วยกระจกนิรภัยที่แตกไม่บาด กับพลาสติกที่คุณภาพดีใช้ได้ มีจอแสดงผล Hidden LED Display ที่สว่างเพียงพอแม้ไม่เปิดไฟห้อง รองรับน้ำหนักได้สูงถึง 150 กิโลกรัม เรียกได้ว่า ตัวขนาดแอดมิน #2 อุ้มตัวเองก็ยังไม่เกินโควต้า (ฮา)

ราคาวันนี้เพียง…. พร้อมส่งถึงบ้าน เรียกได้ว่า ถ้าเจียดเงินซื้อ Amazfit ตัวกลางๆ-บนๆ ได้ Composition Scale 2 นี่ราคาแทบเป็นเศษ แพงกว่าราคาสายดีๆ ไม่เท่าไหร่เอง ควรมีไว้ติดบ้านอย่างยิ่ง เพราะแค่ออกกำลังกายให้นาฬิการายงานสถิติ แล้วก็มาชั่งทุกวัน ดูพัฒนาการในทางที่ดีของร่างกายตัวเอง ก็เหมาะไม่หยอก :3

Xiaomi Mi Home Security Camera 360° 1080P กล้องวงจรปิดขนาดเล็กไว้ติดในบ้าน

ราคาเต็มมันราว 8xx-1,xxx บาท แต่ตอนนี้ราคาตามโปรของ JD CENTRAL ลดเหลือ 799 บาท หากเอาแบบไม่ร่วมแชร์กันซื้อก็จัดว่าถูกคุ้มราคากับคุณภาพกล้องที่ได้ดีพอสมควร อ่ะวาร์ปไปส่อง > ชอบก็กดซื้อ แต่ก่อนซื้อจริงดูรีวิวของแอดด้วยเน้อจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น

รีวิวย่อมๆ กับ Mi Home Security Camera 360° 1080P


ต้องขอบอกว่าตัวนี้เพิ่งเคยลองจับ แต่สำหรับหลายคนที่เป็นแฟน Xiaomi อยู่แล้วคงตอบได้ว่าใช้งานดีแค่ไหน เอาว่าแอดได้มาแบบงงๆ แล้วตกกลางคืนก็ลองเปิดไว้อย่างนั้นภาพที่ปรากฎอาจจะดูตลก แต่เพื่อความเรียล ดั่งบ้าน AF เลยอาจจะมีภาพแนว นอนกลิ้งไปมาประกอบเล็กน้อยเพื่อให้เห็นว่าปิดไฟในห้องก็ยังสว่าง ส่วนภาพประกอบดูกันเพลินๆ ยาวๆ ตามนี้เน้


 อุปกรณ์ในกล่อง อย่างอื่นดีหม๊ดดเลย ยกเว้นไม่แถม Adapter USB ซึ่งดูจะยุ่งยากต้องหาซื้อ Adpater USB มือถือ 2.4A มาเสียบ (แอดลองใช้ของ Cheotech เสียบก็ติดดีนะ)

มีลำโพงด้านหลังตัวกล้อง คุณภาพเสียงเอ่อ… พอฟังออกแต่โทนเสียงแหลมเชียวเน้อ แต่เอาน๊าาในราคานี้มาจัดเต็มมีมาครบจบหมดแล้ว

การติดตั้งไม่ยากเสียบสายไฟรอสักครู่จะมีเสียงเตือนบอกถ้ายังไม่มี แอป Mi Home มาก่อนก็ Download มาติดตั้ง โดยต้องกำหนดให้มี Wi-Fi อยู่ในวงเดียวกันกับตัวมือถือที่เชื่อมต่อถึงจะ Connect กันได้

ถ้ามีเสียงแจ้งเตือนว่า Please Show your QR Code to Scan ประมาณนั้น (พูดไวฉิบฟังไม่ค่อยทันแถมเสียงเล็กแหลมอีกฮา) เอาว่าหัน QR Code ให้ Scan ก็จบแล้ว

จับ Connect ได้เลย

กรณีที่ เราเชื่อมต่อไม่ติดพลาดบ้างอะไรบ้าง กดปุ่ม Reset ได้นะค้างไว้ 3 วินาที เน้อ แต่แอดแนะนำให้กด Reset สักทีในครั้งแรกแล้วค่อยกด Connect

อื่นๆ ก็เข้าสู่การเลือกห้องชื่อห้องที่เราอยากเอาตัวกล้องไปตั้งไว้
อ่าห์ Connect ได้แล้ว ภาพชัดเชียว แต่จะชัดแค่ไหน?
นอกจากนี้ยังรองรับ Micro SDCard แต่จะใส่ได้ต้องกด Control จากแอปให้มันเงยหน้า
ขึ้นแล้วค่อยจับการ์ดใส่

Verdict ตัว Mi Home Security Camera 360° 1080P โดย #แอดแมว

ในยุค Aging Society ที่หนุ่มสาวทำงาน พ่อแม่ลูกเล็กเด็กแดงอยู่บ้าน บางครั้งเราก็อยาก “แอบดู” แต่ละมุมห้อง-มุมบ้าน ว่าปลอดภัยดีไหม ใครแอบสไลด์ราวบันไดหรือจิ้มปลั๊กไฟเล่นหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับช่วงเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ …นิ่ง… ขโมยขโจรอาจจะจ้องบ้านเราอยู่ Mi งอกดีนักใช่ไหม ฉันจะยกวันละชิ้นสองชิ้น เครื่องฟอกอากาศขาดตลาดดีนัก มีโถปั่น มีสกูตเตอร์อีก แกเสร็จฉันแน่ ฯลฯ

เหตุนี้เอง “กล้องวงจรปิด” จึงเริ่มได้รับการถามหาอย่างจริงจังใน Inbox เพจ #ถูกเสมอ ของเรา

กล้องวงจรปิดทำหน้าที่เป็น “ยาม” สอดส่องดูแลและแจ้งเตือนกรณีพบการบุกรุกหรือการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ เช่น ถูกย่องมาตัดไฟ บังเซนเซอร์ ทำให้เรารู้ตัวและสามารถป้องกันแก้ไขได้ งานนี้จะเป็นกล้องเดินสายที่มีกล่องควบคุมก็ติดตั้งง่าย ไม่แพงแบบสมัยก่อน หรือยิ่งง่ายไปกว่านั้น “WiFi IP Camera” ที่สามารถติดตั้งเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน กล่องบันทึกที่ไม่ต้องลากสายระโยงระยาง และส่องความปลอดภัยของบ้าน-ที่พักอาศัยผ่านอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา

สำหรับ Mi ก็ไม่ยอมพลาดที่จะกระโจนเข้าสู่วงการ Home Security เช่นกัน แอดแมวเองก็เคยเล็งๆ เจ้า 720p ตัวนึง สมัยก่อน IP Camera คือความยุ่งยาก x2 x3 โดยเฉพาะตอนที่ระบบไวไฟบ้านไม่ได้เซ็ตง่ายแบบนี้ แต่พอไวไฟบ้านก็ง่าย เน็ตก็ไว แถมเจ้า Mi มีแอพรองรับ IoT แบบ Mi Home ที่ต่อได้ทุกอย่างยันเครื่องชั่งน้ำหนัก! สบายสิครับ

Xiaomi Mi Home Security Camera 360° 1080P เป็นกล้องวงจรปิดจากทีม MiJia ที่ทำสินค้ากลุ่ม Security Camera/DVRs หลายชิ้น กล้องติดรถยนต์ก็ใช่ 🙂 ดังนั้นเรื่องความเสถียร การเลือกใช้เซนเซอร์และคุณภาพของภาพ-วีดิโอ ค่อนข้างไว้ใจได้

คุณสมบัติโดยคร่าวๆ

  • เลนส์มุมมองกว้าง 110 องศา สามารถคุมหมุนส่องบ้านรอบทิศได้ผ่าน Mi Home
  • รองรับการบันทึกไฟล์ความละเอียดสูงสุด Full HD (1080p) ด้วย H.265 Encoding ที่ไฟล์เล็กกว่าเดิม
  • ระบบ WDR และ BSI (Back-Side Illumination) ที่ช่วยทำให้การบันทึกภาพคมชัดทั้งยามสว่างและปิดไฟ

  • มี IR Night Vision รองรับการส่องรอบบ้านในที่มืดเกือบสนิท ระยะประมาณ 10 เมตร ครอบคลุม 1 ห้องโถงใหญ่สบายๆ
  • บันทึกคลิปวีดิโออัตโนมัติ (ปรับตั้งค่าได้) 10 วินาที เมื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดปกติ
  • ส่งเสียงไป-กลับได้ ใครคิดถึงพ่อ แม่ ไปจนถึงแมวที่บ้าน เรียกได้สบายๆ ไม่ต้องโทรกลับให้เปลืองตังค์
  • รองรับการบันทึกผ่านการ์ด MicroSD ติดตั้งได้ภายในตัวกล้อง หรือใช้ NAS/Cloud ก็รองรับจ้า
  • ไม่ต้องเดินสายสัญญาณยุ่งยาก สายไฟอันเดียวพอ ติดตั้งกลับหัวก็บันทึกได้ (มันหมุน 360 เนาะ) หรือจะประยุกต์ใช้การติดตั้งกับ Powerbank ยามฉุกเฉินก็ยังได้

ติดตั้งง่าย เพียงมี Mi Home กดปุ่มเตรียมเชื่อมต่อที่กล้อง เลือกเครือข่าย WiFi ที่ต้องการ (ในบ้านเรานะ อย่าขโมยบ้านข้างๆ) แล้วก็จัดการสแกน QR Code หน้าจอโทรศัพท์ กดยืนยัน เสร็จแล้ว ถ้าไฟไม่ดับ เน็ตไม่หลุด อยู่มุมไหนของโลกก็ส่องได้ 😀

แต่มีข้อจำกัด 3 ประการ ที่ควรรู้คือ

  • แม้ราคาจะประหยัด แต่ตัวกล้องนั้น เหมาะกับติดตั้งแบบ Indoor เท่านั้นนะจ๊ะ “ไม่กันน้ำ” ดังนั้นอย่าได้หวังว่าจะติดตั้งนอกตัวบ้าน 😛 เขยิบไปพวก Yi Outdoor Camera ดีกว่า  พอบวกไปบวกมา ถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่ๆ รวมค่าเดินสาย จั๊มไฟ กล่องกันน้ำ เอ๊ะ… อาจจะแพงกว่าติด IP Security ลองคำนวณดูให้คุ้มนะครับ หรือ iMiLab Battery Edition ที่เป็นแบบไร้สาย+มีแบตในตัวใช้ Mi Home ได้ ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าไปอีก แต่ถ้าเป็นคอนโดล่ะก็ เจ้า Mi Home ตัวที่กำลังจัดโปรนี่ เผลอๆ 1-2 ตัว ก็ส่องได้รอบห้องละ
  • Mi Home สำหรับหลายท่านที่ยังไม่เคยใช้ ลองเช็คดีๆ กับอุปกรณ์ที่เล็งๆ แล้วอาจจะต้องเลือก Version ให้เหมาะสมกับการเซ็ตติ้งและปรับค่า เช่น CN ล้วน ก็ควรลากมาทั้งชุด อะไรแบบนั้นนะ
  • กรณีจะใช้กับ MicroSD ล่ะก็ ถึงกล้องถูก แต่การ์ดเนี่ย แนะนำพวก Surveillance เกรดดีหน่อยนะครับ Transcend/Sandisk/Kingston ตัวสีเทาที่เป็น MLC หรือพวกนั้น เพราะอัตราการบันทึกและความร้อนในการทำงานเอาเรื่องอยู่

ก็ขอให้ Mi งอกกันโดยถ้วนหน้าเด้อครับ

มาถึงอีกตัวกับ HUAWEI WATCH GT2 (42 MM) Elegant Edition

ราคา ปกติ 6,990 บาท แต่ถ้าเอาของแถมเป็น หูฟัง JBL In-Ear C100SI (ราคาเต็ม 279 บาท) เพิ่มอีกแค่ 9 บาท ก็เท่ากับ 6,999 บาท   แต่ๆๆๆ มีส่วนลดอีก 1,000 บาท

ลดเอาเรื่องเหลือ 5,999 บาท แอดคิดว่าซื้อแบบเอาของแถมบวกอีก 9 บาท แลดูคุ้มอยู่เน้อ วาร์ป >

มีรีวิวประกอบเล็กน้อยให้อ่านให้ดูภาพสวยๆ

อ่ะอันนี้ต้องบอกว่า เป็นเซอร์ไพรส์ เพราะเอาจริงๆ แอดก็ไม่เคยได้ลองจับ Huawei WATCH GT2 มาก่อน แต่ต้องบอกว่า ตัวรุ่น Elegant Edition นี่สวยมากจริงๆ ยอมใจ จากการลองเล่นลองทดสอบใช้งานก็เจอ Feature ที่คิดว่าหลายคนต้องการทั้งระดับพื้นฐานต่างๆ หรือใส่เพื่อเป็นการใช้เป็นเครื่องประดับก็ไม่เลวเลย

ประสบการณ์เล่าสู่คนอ่านและแฟนๆ เพจถูกเสมอ


ถึงแม้นว่าแอดจะได้ลองวันเดียวแต่สิ่งนึงที่ทำให้รู้คือตัว Huawei WATCH GT2 Elegant Edition ไม่เพียงดีไซน์ทรงสวยแต่ Feature ที่ให้มานับว่าเยอะและครบครันดีทีเดียว ส่วนการทดสอบเอาง่ายๆ คือลองเดินรอบสระแถวบ้าน เพื่อดูการจับชีพจรอัตราการเต้นของหัวใจ การทำงานของแอปรวมไปถึงความยากง่ายในการเข้าถึง ส่วนตัวต้องบอกว่าแรกๆ ก็งง เพราะปกติแอดจะใช้ Amazfit Bip ซึ่งไม่สลับซับซ้อนมากนัก แต่พอมาเป็น Huawei WATCH GT2 Elegant Edition จะมีบางจุดที่น่าสนใจขึ้นมากในด้าน Feature คือ

  1. เปลี่ยนหน้ากากตัวเรือนได้ง่ายมากมีให้เลือกเยอะสวยพอตัว
  2. มีฟีเจอร์วัดความเครียด อันนี้น่าสนใจ แต่ส่วนตัวแอดไม่ใช่คนชอบเครียดซีเรียสอะไรนะอาจจะลำบากในการจับฮา (ไม่งั้นทำเพจถูกเสมอไม่ได้เน้อเครียดแล้วจะคิดเขียนอะไรไม่ออก)
  3. การแจ้งเตือน Notification – App Link กับตัวมือถือทำได้ดี Interface สวย
  4. ดูอุณหภูมิอากาศสภาพอากาศได้ แบบ Real Time เลยและหน้าตาสวยด้วย 
  5. รองรับการแสดงผลภาษาไทยเต็มรูปแบบ อันนี้ดี
  6. Firmware อัพเกรดง่าย
  7. ในรุ่น Elegant Edition นอกจากสายสแตนท์เลสที่ติดมา ยังมีสายซิลิโคนสีดำซึ่งเอาไว้เปลี่ยนใส่ใช้งานตอนออกกำลังกายได้หรือใส่เปลี่ยนวนเรื่อยๆ แก้เบื่อก็ไม่เลวนะ
  8. ตัวจับนับก้าวถือว่าทำได้ดีรวมถึงตัวแอปที่คำนวณระยะทาง อัตรการเต้นของหัวใจ ถึงจะมีดีเลย์ในการแสดงผลอยู่บ้างตอนซิงค์กันแต่แอดมองว่า มันก็ไม่แย่ซะทีเดียวนะ

อื่นๆ คือถ้าชอบดีไซน์นี้และความ Rich Feature ก็จัดได้เลยในราคาที่ลดลงมาอีก 1,000 บาทใน ณ ช่วงนี้ โปรนี้จะอยู่ถึงวันที่ 22 มีนาคม นี้เท่านั้นเน้อ ตามป้ายโปสเตอร์นี้ไป

และตามวาร์ปนี้ > https://www.jd.co.th/sale/pc/March-Madness-2020_gQTAukWCm1JhGX.html 
 อีกอย่างใน Link ข้างต้นดูดีๆ เน้อมีคูปองส่วนลดอีกหลายรายการ

จบแล้วจ้า สุดท้ายนี้แอดหวังว่าจะมีคนโดนไม่ตัวใดก็ตัวนึงและอาจจะเป็นสินค้าตัวใดตัวนึงนอกเหนือจากที่ทาง JD CENTRAL ฝากนำเสนอมาจาก 5 รายการข้างต้นเน้อ โอ๊ะๆๆๆๆ อ่า อีกข้อที่อยากฝากคือ จอ 24 นิ้ว Acer ตัวที่หมุนแนวตั้งได้ 90 องศา ก็ยังจัดร่วมรายการเหลือ 2,990 อยูด้วยเน้อ วาร์ปไปดูโพสเก่าในเพจก่อนได้เน้อ https://www.facebook.com/cheaplost/posts/3007109075994895

Back to Top
Back to Top
Close Zoom