กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาว ถูกเสมอ
ที่เริ่มจะมี ผบ.ทบ. เข้ามาดูกันมากขึ้นครับบบบบ

ใครๆ ก็อยากเคลมว่าตัวเองเป็นต้นฉบับคอนเทนต์หม้อทอด ฮ่าๆ แต่หารู้ไม่ว่าเรากาวกันมาตั้งแต่ตอนมีแต่ TEFAL กับ Philips ในท้องตลาดแล้วครับพี่น้องครับ Smart Home ยังไม่เกิด Haier อยู่ไหนไม่รู้ ฯลฯ Shanben ตอนนั้นยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในไทยเล้ยยย

แต่นั่นแหละ ใครช้าคนนั้นแพ้ มหกรรมหม้อทอด นี่ก็เหมือนกัน

หม้อทอดไร้น้ำมันหรือ “หม้ออบลมร้อนแบบมีระบบไหลเวียนอากาศ และมีหน้าสัมผัสทำความร้อนเป็นโลหะหรือวัสดุผสมเคลือบแบบทำความสะอาดง่าย” กลายเป็น Home Appliance ที่ใครๆ ก็ตามหาในยุค Work from Home หรือ FAT AT HOME เพราะจะออกไปเอกเซอร์ไซส์ก็กลัวจะป๊ะลุงตู่….

แฮ่ม!!!

ดังนั้น วันนี้ขอมาแนะนำหม้อทอดในฐานะที่ใช้มานานแล้ววว นะครับ ว่าหลักในการซื้อหม้อทอดมี 4-5 ประการคือ 

1. เลือก กำลังไฟสูงสุด และ เครื่องใหญ่ที่สุด เท่าที่งบจะไหว เพราะมันกินไฟต่างกันไม่มาก แต่ตัวกำลังไฟต่ำน่ะ ร้อนช้า สุกช้า อย่าคิดว่า 1000W กับ 1400W จะสุกเหมือนกัน โนเวย์ หลักการเดียวกับหม้อสุกี้หรือเครื่องทำน้ำอุ่นนั่นแหละ ยิ่งร้อนช้ายิ่งเปลืองไฟ ยิ่งกะเวลาทำอาหารสุกยาก 🙂 อย่างต่ำๆ แอดแมวชี้ที่ 1200W ครับ ส่วนเรื่องเครื่องใหญ่เนี่ย บอกเลยว่า บางรุ่นที่ใหญ่กว่า เช่น 6 – 8 ลิตร มันทำอาหารได้หลากหลายนะ อยากจะอบไก่ พวก 2 ลิตร ไม่รอดแน่นอน 😛

2. ระบบให้ความร้อนของแต่ละรุ่นน่ะแทบไม่ต่างกันครับ ไปต่างกันตรง ระบบไหลเวียนอากาศ ซึ่งบางยี่ห้อทำได้ดีมาก ดีจนกระทั่งมีคนออกมารีวิวว่า “หม้อจีนสู้หม้อฝรั่งไม่ได้” อันนี้ก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่อย่าง Philips ตัวทอปๆ ที่เป็น TurboStar RapidAir พวกนั้นทำอาหารสุกเร็วและทั่วถึงกว่าจริงๆ ดีจนถึงขนาดไม่ต้องห่วงเรื่องเอาออกมาพลิกดูหรือพลิกเพราะกลัวร้อนไม่ทั่วเลยล่ะ

จ่ายแพงก็ได้อะไรมากกว่านะเออ ไม่ใช่แพงธรรมดาแล้วจะไม่ได้อะไรคืนมา

3. วัสดุภายในของหม้อทอด มีผลมากต่อการทำความสะอาดและป้องกันการติดหม้อ …หมายถึงอาหารสุกไหม้จนติดหม้อ บางยี่ห้อเวลาทำอาหารอาจจะต้องทาเนยนิดนึง ในปริมาณที่น้อยกว่ากระทะเทฟล่อน เพื่อป้องกันการติด แต่ก็ถือว่าทำความสะอาดง่ายเกือบทุกยี่ห้อนะ 🙂 ส่วนวัสดุภายนอก ส่วนมากคือตามราคาเลย หม้อถูกๆ ระบบหมุนวนอากาศกับให้ความร้อนอาจจะดี แต่วัสดุภายนอกก็พลาสติ้ก พลาสติก 😛

4. อันนี้สำคัญและหลายคนลืม แอดแมวค่อนข้างแนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่ ปรับตั้งความร้อน ได้นะครับ ไม่ใช่แค่ปรับเวลา เพราะบางทีเวลาเราอยากอุ่นอาหาร เออเข้าใจแหละ ว่าใช้แบบหน่วงๆ อาจกินไฟน้อยกว่าไม่มาก แต่มันช่วยให้การอุ่นอาหารพื้นๆ แบบที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอาจจะบ่อยกว่าปรุง เช่น ปรับ 160 องศา 5 นาที สำหรับอุ่นขนมอบ พาย คุกกี้ ให้กรอบเหมือนใหม่ หรือการปรุงที่แอดวานซ์ไปอีก เช่น การอบหมูกรอบ ที่ช่วงแรกๆ อาจจะใช้ความร้อนต่ำระยะนานหน่อยเพื่ออบให้สุก แล้วเร่ง 200 องศาช่วงหลังเพื่อความกรอบบบ กร๊อบ อย่างนี้ หม้อบางรุ่นจะได้เปรียบและทำอาหารได้หลากหลายกว่า

5. ระบบควบคุมดิจิทัลอาจจะไม่จำเป็น แต่ก็อาจจะสะดวกกว่าสำหรับบางท่าน และบางทีมันมีโปรแกรมที่ปรับ Preset ให้เราได้ อาจจะเหมาะสำหรับท่านที่ทำขายเนาะ บันทึกเลยว่าอบพาย/พิซซ่ากดโปรแกรมนี้ พรึ่บ เรียบร้อย ไม่ต้องมานั่งปรับหรือนั่งคุมตลอดเวลา อาจจะคุ้มค่าก็ได้ครับ

ทีนี้ก็มาเล็งหม้อทอดรุ่นยอดนิยม โดยเฉพาะโปร 5.5 กันครับ

1. SHANBEN รุ่น 4.5 และ 8 ลิตร 1,390++ ใหญ่+คุ้ม+ดิจิทัล (รุ่น 8 ลิตร) ราคาเป็นมิตร

อันนี้ขอแนะนำก่อน ผลต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้ว สำหรับ SHANBEN หรือ ซันเบน (แอดแมวหงุดหงิดมาก มันเป็นแบรนด์จีนที่อ่านว่า “ช่านเปิ่น” แต่เอาเถอะ) เจ้าพ่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โคตรคุ้มประจำประเทศไทย กับหม้อขนาด 4.5 และ 8 ลิตร ที่กำลังไฟและขนาดตอบโจทย์ทุกคนจนอาจจะไม่ต้องดูตัวอื่นๆ เลย….

จุดเด่น ถูก ชห.วว. ชนิดว่าที่ว่าถ้างบจำกัดและอยากได้หม้ออบไก่สักตัว อีนี่แหละครับ คุ้มสุดๆ
จุดด้อย ระบบควบคุมโคตรบ้าน บ้านแบบไม่มีอะไรเลย แต่ตัว 8 ลิตร โอเคนะ 

#รุ่นกลาง กำลังไฟ 1350W พร้อมวัสดุแบบ Non-Sticky ปรับเวลาได้ 0-30 นาที

OTTO แบรนด์เครื่องครัวจับฉลากที่เราคุ้นเคย กับหม้อทอดกำลังไฟ 1,300W ไซส์กำลังดี 2.8 ลิตร ใหญ่กว่าเจ้า SHANBEN ตัวเล็กนิดนึง

#OTTO https://bit.ly/2zSaIEk

 5. PHILPLUS ข้าไม่ใช่ฟิลิปส์ แต่ข้าขายถูกที่สุดในตลาดเลยนะเออ

PHILPLUS ข้าไม่ใช่ฟิลิปส์นะ แต่ก็ดูคล้ายๆ ทำตลาดด้วยการถล่มราคายี่ห้ออื่นกระเจิงทุกรอบที่แฟลชเซลส์

#PHILPLUS https://bit.ly/35tVDog

เดี๋ยวจะอดซื้อ อย่าลืมกดนะ กดวันนี้ อ้วนวันหน้า ฮ่าๆ