แอดแมวเล่าเรื่อง #ลดหย่อนภาษี กันหน่อยครับ
เวลาอ่าน: 10 นาที
อยากบอกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลเนี่ย ถ้าคุณไม่เข้าใจระบบภาษีเงินได้ อยากให้ศึกษาบทความนี้ก่อนที่จะพุ่งไปชอปเพื่อวัตถุประสงค์ “ลดหย่อนภาษี” ครับ
มาตรการ #ชอปดีมีคืน ปีนี้ เพิ่มเพดานรายการ E-Taxation หรือ E-TAX Invoice สำหรับการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งตรงถึงสรรพากร เป็นการส่งเสริมการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อนำคนเข้าระบบภาษี ทำให้ยอดรวมที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพิ่มสูงขึ้นจาก 30,000 เป็น 40,000 บาท
ใครๆ ก็อยากชอปดีมีคืน????
แต่ 40,000 บาท ที่ว่า แอดแมวย้ำตรงนี้นะครับ
“มันไม่ใช่ยอดลดหย่อนภาษีส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม”
ย้ำอีกรอบ “ไม่ใช่ลดหย่อนภาษีชำระเพิ่มเติม” สำหรับคนที่เงินได้สุทธิทะลุเพดานแล้ว แต่เป็นในส่วนของการ “ลดหย่อนการคำนวณเงินได้สุทธิ”
อ้าว งงล่ะสิ? มาครับ อธิบายกัน แอดขอเป็นในส่วนของบุคคลธรรมดานะฮะ
_______
การคำนวณภาษีเงินได้ของกรมสรรพากรแต่ละปี ในส่วนของบุคคลธรรมดา ผู้ที่มีเงินได้ 150,000 บาท/ปี ขึ้นไป จำเป็นต้องยื่นรายการแสดงเงินได้ต่อกรมสรรพากร หรือ “เข้าระบบ”
โดยพื้นฐานก็คือ เงินเดือน = รายได้ตามประมวลรัษฎากร 4.1 ต้องยื่น ภงด. 91 และกรณีมีรายได้อื่น = ภงด. 90 ที่ต้องยื่นทุกปีก่อนสิ้นเดือนมีนาคมของปีถัดไปหรือแล้วแต่ประกาศเพิ่ม
นอกจากนี้ในส่วนผู้ประกอบอาชีพอิสระบางกลุ่ม จำเป็นต้องยื่นภาษีกลางปี ภงด. 94 และต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมในการแสดงและออกเอกสารซื้อขายภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีมีรายได้ที่ไม่ใช่เงินเดือนมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป นอกจากจะเป็นรายได้จากกิจการที่ได้รับการยกเว้น
_______
รายได้ทั้งหมดนี้ เรียกว่า #เงินได้พึงประเมิน เมื่อหักลดหย่อนต่างๆ เช่น แอดแมวเงินเดือน 20,000 = 240,000 บาท/ปี หักลดหย่อนลูกเมีย ได้ 60,000 พ่อแม่ได้อีก 60,000 และหักค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล หักเบี้ยประกัน หักบริจาค e-Donation ฯลฯ รวมๆ เหลือ #เงินได้สุทธิ ที่นำไปคำนวณอัตราภาษีแบบขั้นบันไดอีกที
Elevation ของขั้นบันไดภาษีบ้านเราเป็นแบบนี้ครับ คือคำนวณจากเงินได้สุทธิทั้งหมด แล้วนำมาประเมินดังนี้
รายได้ 0-150,000 บาท ยกเว้นอัตราภาษี
รายได้ส่วนที่เกิน 150,000 บาทแรก (150,001-300,000 บาท)
อัตราภาษี 5% (ภาษีที่ต้องเสียสูงสุดในขั้นนี้คือ 7,500 บาท หรือ 5% ของ 150,000 บาท)
รายได้ส่วนที่เกิน 300,000 บาทแรก (300,001-500,000 บาท)
อัตราภาษี 10% (ภาษีที่ต้องเสียสูงสุดในขั้นนี้คือ 20,000 บาท หรือ 10% ของ 200,000 บาท)
และจะเป็นขั้นบันไดแบบนี้ไปเรื่อยๆ
รายได้ 500,001-750,000 บาท อัตราภาษี 15% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 37,500 บาท หรือ 15% ของช่วงขั้นทั้งหมด 250,000)
.
..
…
รายได้ 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษี 20% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 50,000 บาท)
รายได้ 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษี 25% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 250,000 บาท)
รายได้ 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษี 30% (ภาษีที่ต้องเสียในขั้นนี้คือ 600,000 บาท)
และส่วนที่เกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีเต็มอัตราที่ร้อยละ 35
โดยทั้งหมดคำนวณจาก “รายได้สุทธิ = รายได้พึงประเมิน – รายการลดหย่อนทั้งหมด”
แนวทางคำนวณภาษีเงินได้โดยสังเขป ข้อมูล: กรมสรรพากร
_______
เท่ากับว่าบางคนที่มีรายได้เข้าข่ายต้องเริ่มเสียภาษีแล้วแน่ๆ (เฉลี่ยคือเงินเดือนประมาณสามหมื่นบวกลบ) ก็จะเริ่มหาอะไรมาลดหย่อนภาษี เช่น ทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือบริจาคฯ
แต่ทั้งหมดนั้น มันมีจำนวนสูงสุดของการลดหย่อนได้อยู่
ยกตัวอย่าง e-Donation (x2) ที่แอดแมวลงเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม = ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้ หรือตีกลมๆ แบบไม่คิดมากก็แบบนี้
กรณีสมมติ: เงินได้พึงประเมิน = 3 ล้าน
บริจาค (x2) 1.5 แสน > เอาไปลดหย่อนได้ 3 แสนบาท
บริจาคเกินกว่านี้? ก็ไม่ได้ลดหย่อนเพิ่ม เป็นต้น
แล้วค่อยเอาเงินได้สุทธิไปคำนวณอัตราภาษีเงินได้แบบขั้นบันไดอีกที
_______
อ้าว? แล้วแบบนี้ชอปดีมีคืนก็ไม่ได้หัก “ภาษีเงินได้” ตรงๆ สิครับ???
ถูกต้อง มันเป็นเช่นนั้น
สมมติคุณเงินเดือน 70,000 ตกปีละ 840,000 มีลดหย่อนทั้งหมด 240,000 จากกองทุน บริจาค ฯลฯ
เงินได้พึงประเมินคุณ = 600,000
ต้องเสียภาษี 3 ขั้นบันได รวม 42,500 บาท (ขั้นแรก 7,500+ขั้นที่สอง 20,000+ขั้นที่ 3 อีก 15% ของ 600,000-500,000 = 15,000) นั่นเอง
ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดตรงนี้ แอดขอย้ำว่า!!!!
ถ้าคุณซื้อของชอปดีมีคืนอีก 40,000 ไม่ใช่คุณจะเสียภาษี 42,500 – 40,000 บาท นะครับ!
แต่คุณจะเสียภาษีที่ขั้นบันได 600,000 ลดไป 40,000 จนเงินได้สุทธิ = 560,000 หรือเสียภาษีที่ 3 ขั้นบันได รวม 36,500 บาท (ประหยัดภาษีไปได้ 6,000 บาท)
ซึ่งถ้าคุณเป็นพวกที่อยู่ขั้นบันไดสูงๆ แล้ว เช่น 35% คุณชอป 40,000 ก็ลดภาษีได้สูงสุด 14,000 บาท นั่นเอง
เท่ากับว่าคุณชอป 40,000 ถ้าชอปสิ่งที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว = คุณจะนำไปลดในขั้นตอนการคำนวณเงินได้สุทธิ 40,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีตามระดับขั้นบันไดที่คุณกำลังเป็น
แต่ถ้านำไปชอปสิ่งที่ไม่จำเป็น คิดแค่ว่าของมันต้องมี แถมไม่ได้มาดูโปรจากเพจ ถูกเสมอ เมียเผลอบัตรพัง เผลอๆ คุณโดนชาร์จไปชาร์จมา ที่คิดว่าจะประหยัดภาษีไป ไปโดนร้านแอบบวกแทน (เพราะต้องเป็นบิล VAT บางร้านจะบวกเผื่อจากราคาเงินสดปกติ 7% เป็นทริคทางบัญชีไปอีก ว่าซั่น!)
ก็ตามนั้นครับ แชร์ได้ แชร์ให้พ่อแม่พี่น้องอ่านกัน สงสัยซิบมาถาม หรือพิมพ์มาถามใต้กระทู้ได้เลยครับ แอดช่วยคุณประหยัดได้ทุกขั้นตอน แล้วค่อยล้วงเงินทอนจากที่คุณประหยัดด้วยการป้ายยาเสมอมา อิอิ
ด้วยรักและจกตัง จากแอดแมว
สวัสดีปีใหม่ 1/1/2566